“อียู” ชู Green Deal นโยบายจัดการภาวะโลกร้อน

คอลัมน์ นอกรอบ
โดย สนง.ที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

สำนักงานการเกษตรต่างประเทศ รายงานนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของคณะกรรมการยุโรปชุดใหม่ หลังนาง Ursula von der Leyen เข้าดำรงตำแหน่ง ทั้งภาพรวมการปรับเปลี่ยน นโยบายด้านเศรษฐกิจ การค้า

ทั้งนี้ นาง Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปคนใหม่ เป็นผู้นำหญิงคนแรกของสหภาพยุโรป (อียู) ได้ประกาศแผนนโยบาย Green Deal เป็นนโยบายการลดและต่อสู้กับสภาวะโลกร้อน และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยมีจุดมุ่งหมายขับเคลื่อนยุโรปสู่สังคมไร้การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภายในปี ค.ศ. 2050 อีกทั้งยุโรปจะต้องเป็นผู้นำในเวทีโลกด้านอุตสาหกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีสะอาด เนื้อหาสำคัญ 10 ประการของ Green Deal มีดังนี้

1.การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

สหภาพยุโรปกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งระเบียบดังกล่าวจะถูกบรรจุอยู่ในกฎหมายว่าด้วยสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะถูกนำเสนอในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2090

จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในแต่ละช่วงเวลา โดยปรับเปลี่ยนเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ จากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 40 เพิ่มเป็นร้อยละ 50-55 ภายในปี ค.ศ. 2030

คณะกรรมาธิการยุโรปจะปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายใหม่ เริ่มที่กฎระเบียบพลังงานทดแทน (REC) กฎระเบียบประสิทธิภาพทางพลังงาน (EED) รวมถึงกฎระเบียบการซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (ETS) กฎระเบียบว่าด้วยการกำหนดสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศสมาชิก (ESR) และกฎระเบียบการใช้ที่ดิน การเปลี่ยนแปลงที่ดิน และป่าไม้ (LULUCF) ซึ่งการแก้ไขกฎระเบียบแต่ละฉบับจะถูกนำเสนอในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2021

ในขณะที่แผนพลังงานอัจฉริยะที่จะรวมภาคส่วนพลังงานไฟฟ้า ก๊าซ และพลังงานความร้อนให้อยู่ในระบบเดียวกัน จะนำเสนอปี ค.ศ. 2020 พร้อมโครงการส่งเสริมใช้พลังงานลมนอกชายฝั่ง

2.แผนนโยบาย ศก.หมุนเวียนฉบับใหม่

แผนนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียนฉบับใหม่จะถูกนำเข้าที่ประชุมในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 2020 โดยจะครอบคลุมประเด็นผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน วิธีการผลิตที่ลดใช้วัสดุและทรัพยากร และส่งเสริมการนำกลับมาใช้ใหม่ เช่น แบตเตอรี่ และยังให้ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง เช่น เหล็ก ซีเมนต์ สิ่งทอ โดยจะให้ผลิตวัสดุเหล่านี้ด้วยพลังงานสะอาด อย่างเช่น ไฮโดรเจน ให้ได้ภายในปี ค.ศ. 2030

3.การปรับปรุงอาคารบ้านเรือน

เพิ่มอัตราการปรับปรุงอาคาร โดยเพิ่มเป็นจำนวนอย่างน้อย 2 ถึง 3 เท่าจากปัจจุบันที่อยู่ที่ร้อยละ 1

4.สังคมไร้มลพิษ

แผนนโยบาย Green Deal ต้องการสร้างสังคมที่ไร้มลพิษ ไม่ว่าจะเป็นอากาศ ดิน และน้ำ ต้องปลอดจากสารมลพิษภายในปี ค.ศ. 2050 โดยแผนนโยบายใหม่นี้จะครอบคลุมถึงกลยุทธ์การจัดการสารเคมี เพื่อสร้างสังคมที่ปราศจากสารพิษ

5.ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ

แผนกลยุทธ์ใหม่ด้านความหลากหลายทางชีวภาพจะถูกนำเสนอในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2020 ก่อนที่จะมีการจัดการประชุม UN Biodiversity Summit ในเดือนตุลาคม ณ ประเทศจีน โดยภายใต้แผนกลยุทธ์ใหม่ อียูต้องการเป็นผู้นำในการพัฒนามาตรการเพื่อจัดการกับปัญหาการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ เช่น มาตรการจัดการมลพิษดินและน้ำ และแผนกลยุทธ์ป่าไม้ฉบับใหม่ มุ่งเน้นการเพิ่มอัตราการปลูกป่าทั้งในเขตเมืองและชนบท กฎการใช้ฉลากส่งเสริมผลิตภัณฑ์การเกษตรที่กระบวนการผลิตปราศจากการไม่ตัดไม้ทำลายป่า

6.แผนกลยุทธ์จากฟาร์มถึงปลายส้อม

แผนกลยุทธ์จากฟาร์มถึงปลายส้อมจะถูกเสนอแก่ที่ประชุมในปี ค.ศ. 2020 เพื่อพัฒนาระบบเกษตรกรรมสีเขียวเพื่อสุขภาพผู้บริโภค ลดการใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยสารเคมี และยาต้านจุลชีพ

7.ภาคการขนส่ง

ปัจจุบันเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคการขนส่งของสหภาพยุโรป อยู่ที่ 95gCO2/km ภายใน ค.ศ. 2021 สหภาพยุโรปมีความมุ่งมั่นที่จะลดระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคส่วนนี้เป็นศูนย์ ในช่วงปี ค.ศ. 2030 โดยจะกระตุ้นและส่งเสริมการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าจ่ายไฟ ภายในปี ค.ศ. 2025 และยังมุ่งเน้นใช้พลังงานทางเลือกเพื่อส่งเสริมความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการบิน การเดินเรือ และการขนส่งโดยยานยนต์ขนาดใหญ่

8.การเงิน

สหภาพยุโรปเตรียมใช้เครื่องมือทางการเงิน Just Transition Mechanism โดยจะระดมทุน 10 ล้านล้านยูโร เพื่อช่วยประเทศ ภูมิภาค และภาคธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงสุด ที่ยังต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นแหล่งพลังงานหลัก แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่

– กองทุน Just Transition ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นธรรม

– โครงการ InvestEU ซึ่งงบประมาณจะมาจากธนาคารเพื่อการลงทุนของยุโรป

– กองทุนธนาคารเพื่อการลงทุนของยุโรป

9.การวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม

ขอบเขตโครงการความร่วมมือด้านการวิจัยและนวัตกรรมของสหภาพยุโรป ฉบับที่ 9 หรือ Horizon Europe ซึ่งมีงบประมาณ 100 ล้านล้านยูโร ช่วงปี ค.ศ. 2021-2027

10.ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ

มุ่งใช้มาตรการทางการทูต ในการสนับสนุนแผนนโยบาย Green Deal ซึ่งหนึ่งในมาตรการ คือ ข้อเสนอการจัดเก็บภาษีคาร์บอน ณ ชายแดน ให้เห็นประเทศอื่น ๆ ทั้งโลกแสดงเจตจำนงสอดคล้องกัน และจะป้องกันเศรษฐกิจในภูมิภาคจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม