ปางตาย

นายกฯประยุทธ์
คอลัมน์ สามัญสำนึก
สมปอง แจ่มเกาะ

ระหว่างนั่งก้มหน้าก้มตาปิดต้นฉบับ เหลือบตาไปดูปฏิทินบนโต๊ะทำงาน

อ้าว…วันหวยออกอีกแล้วนี่นา

พลันภาพของคลื่นมหาชนคนรักหวยที่แห่ไปขอโชคขอลาภตามสถานที่ยอดฮิตต่าง ๆ ก็ลอยขึ้นมาอยู่ตรงหน้า

เริ่มตั้งแต่ ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช, พ่อปู่ศรีสุทโธ วัดป่าคำชะโนด จ.อุดรธานี รวมไปถึงเจ้าแม่

ตะเคียนทอง-ตะเคียนเงิน การส่องขันน้ำมนต์ของเกจิอาจารย์ ฯลฯ ที่มีอยู่ทั่วฟากฟ้าเมืองไทย

ปรากฏการณ์ที่ว่าจะมีให้เห็นทุก ๆ ก่อนวันหวยออก

จนเป็นเรื่องปกติ

แวบหนึ่งของความคิดที่แทรกเข้ามาในตอนนั้น “ซื้อเลขอะไรดีน้า”

เบี้ยน้อยหอยน้อย เสี่ยงโชคสักใบสองใบพอหอมปากหอมคอก็พอ

เผื่อโชคดี ถูกรางวัลใหญ่ขึ้นมาจะได้เป็นเศรษฐีกับเขาบ้าง ใครจะไปรู้…ฮ่า ๆๆๆ

ชีวิตจะได้มีความหวังขึ้นมาบ้าง

ใครหลาย ๆ คนคงคิดเช่นนี้

แต่หลายคนอาจจะมองว่าการบนบาน ขอโชคขอลาภ การขูดเลข การดูหยดเทียนในขันน้ำมนต์ เป็นเรื่องงมงาย

ไม่เป็นไร…นานาจิตตังครับ

แต่อีกด้านหนึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนคนไทยกำลังขาดที่พึ่ง ขาดที่ยึดเหนียว เมื่อพึ่งพารัฐบาลไม่ได้ ก็หันไปหาผีสางเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อ

ยิ่งเมื่อยามยุคเข็ญ ผู้คนยากลำบาก อะไรที่พอจะเป็นความหวังได้ก็ต้องคว้าไว้ก่อน

อย่าว่าแต่พนักงานตาดำ ๆ ที่ถูกเลิกจ้าง โรงงานปิดเลย

เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในวันนี้ยังทำให้บรรดาเจ้าของกิจการ

นักธุรกิจน้อยใหญ่ เวลานอนยังต้องเอามือก่ายหน้าผาก และถอนหายใจวันละหลาย ๆ ครั้ง

เดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า ทุกข์ร้อนกันคนละแบบ

เดินทางไปไหนมาไหน บนถนนหนทาง เสาไฟฟ้า หากสังเกตจะมีป้ายปิดประกาศขายบ้าน ขายโรงงาน ขายโรงแรม ขายกิจการ เต็มไปหมด

อีกด้านหนึ่งก็มีภาพของแผ่นพับใบปลิว นามบัตร พร้อมเบอร์โทรศัพท์ รับปรึกษาปัญหาเรื่องเงินทุน

เงินกู้…บานสะพรั่งราวดอกเห็ด

สิ่งเหล่านี้สะท้อนความเดือดร้อนทุกข์ยากแสนเข็ญได้เป็นอย่างดี

จึงไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมคนไทยจึงชอบเสี่ยงโชคด้วยการซื้อหวย คนไม่เคยซื้อก็ซื้อ คนที่ซื้ออยู่แล้วก็ซื้อมากขึ้น

เพราะนี่คือความหวังเดียวที่ยังเหลืออยู่

ช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับนักธุรกิจระดับผู้ใหญ่ 3 ท่าน ใน 3 ธุรกิจ ซึ่งล้วนเป็นผู้มีประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก

นอกจากพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ ก็อดไม่ได้ที่จะ

วกกลับมาคุยเรื่องเศรษฐกิจ เหตุบ้านการเมือง

ทั้ง 3 ท่าน…ทุกคนต่างส่ายหน้า พร้อมกับบอกอย่างตรงไปตรงมาว่า

ขอประคับประคองตัวให้อยู่รอดปลอดภัย ขอให้ผ่านปีนี้

ไปให้ได้เท่านั้นก็พอใจแล้ว

เรื่องรายได้ เรื่องกำไร เลิกคิดไปได้เลย

เพราะอะไร ?

ลำพังแค่พิษไข้จากไวรัสโควิด-19 ก็หนักหนาสาหัสมากพอแล้ว

แต่นี่ยังมีเรื่องการเมือง เรื่องม็อบ กระหน่ำซ้ำเข้ามาอีก

นี่คือคำตอบ

นี่คือตัวแปรสำคัญทางเศรษฐกิจไทยในวันนี้

ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก (อีก)

พรุ่งนี้หากโควิด-19 คลี่คลาย การเมือง-ม็อบคลี่คลาย เศรษฐกิจไทยก็มีโอกาสจะพลิกฟื้นและค่อย ๆ โงหัวขึ้นมาได้บ้าง

แต่ในความเป็นจริง พรุ่งนี้โควิด-19 จะเป็นอย่างไร การเมืองจะไปทิศทางไหน ม็อบวันที่ 19 กันยายนจะเป็นอย่างไร ยังไม่มีใครรู้อนาคต

วันนี้เศรษฐกิจไทยอยู่ในอาการ “ไม่ตายก็คางเหลือง”

…ปางตาย ครับ !