แก้วิกฤต PM 2.5 ขออากาศดีคืนมา

Photo by REUTERS
บทบรรณาธิการ

ฝุ่นควันพิษช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาที่วิกฤตรุนแรงเริ่มคลี่คลาย คุณภาพอากาศหลายพื้นที่ที่มีปัญหาทุเลาลง ทำให้คนกรุงเทพฯ-ปริมณฑลคลายวิตกกังวลลงได้บ้าง แม้คาดหวังได้ยากว่าสถานการณ์ปีนี้จะดีกว่าปีก่อน เพราะฤดูหมอกควันมาถึงไม่ทันไรก็ทำสถิติวิกฤตติดอันดับโลก

ข้อมูลจากแอปพลิเคชั่น Air Visual ระบุว่า วันที่ 15 ธ.ค. สภาพอากาศในกรุงเทพฯ ติดอันดับ 3 ของเมืองที่คุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก ฝุ่น PM 2.5 อยู่ในระดับ 57.8 ไมโครกรัม/ลบ.ม. เกินมาตรฐาน

ก่อนหน้านั้นวันที่ 14 ธ.ค. 2563 เว็บไซต์ Air4Thai รายงานคุณภาพอากาศ ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล มีสารมลพิษทางอากาศเกินมาตรฐาน 58 พื้นที่ ส่วนต่างจังหวัดแม้ปัญหาหมอกควันพิษไม่รุนแรงเท่า แต่ยังวางใจไม่ได้ทั้งภาคเหนือ อีสาน กลาง ใต้

นอกจากสารพิษจากฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้นจากการเผาในที่โล่ง การเผาขยะและวัสดุเหลือทิ้งจากการทำการเกษตร ควันจากท่อไอเสียยานยนต์ โรงไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรมแล้ว ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน หรือฝุ่นหยาบ course particle ซึ่งมาจากแหล่งก่อมลพิษแหล่งเดียวกันก็มีแนวโน้มรุนแรง ส่งผลกระทบด้านสุขภาพอนามัยไม่น้อยกว่ากัน

ปรากฏการณ์ที่มีให้เห็นมากขึ้น อย่างโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ การระคายเคืองผิวหนัง ผดผื่น ปัญหากับระบบตา ฯลฯ แม้ไม่อาจเทียบได้กับโรคปอดติดเชื้อโควิด-19 ที่รุนแรงและอาจถึงแก่ชีวิตในระยะเวลารวดเร็ว แต่ฝุ่นพิษ PM 2.5, PM 10 นอกจากกระทบสุขภาพในระยะยาวแบบตายผ่อนส่งแล้ว ยังก่อให้เกิดความสูญเสียด้านเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม

เป็นอีกภารกิจหนึ่งที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งแก้ คลี่คลายวิกฤตการณ์ที่นับวันยิ่งขยายวงกว้างและส่งผลกระทบรุนแรง ต้องเร่งเดินหน้าแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตั้งแต่ 1 ต.ค.2562 ไปสู่การปฏิบัติ และขับเคลื่อนให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

โดยเฉพาะ 3 มาตรการหลัก ประกอบด้วย 1.การเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการใช้เชิงพื้นที่ 2.การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง และ 3.การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ โดยใช้มาตรการจูงใจ มาตรการด้านภาษี มาตรการทางกฎหมาย ควบคู่กับการรณรงค์ปลุกจิตสำนึก

เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าปีเศษที่ผ่านมา หลังการแก้ปัญหาฝุ่นควันพิษถูกยกระดับเป็นวาระแห่งชาติ มาตรการ แผนงานส่วนใหญ่ขับเคลื่อนได้ช้า ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรจะเป็น ไม่แปลกที่คนกรุง คนต่างจังหวัด ภาคประชาสังคม เอ็นจีโอ จะประสานเสียงเรียกร้องให้เร่งแก้วิกฤตฝุ่นพิษ “ขออากาศดีคืนมา”