ทำสมาธิสร้างพลังจิต ดั่งแก้วสารพัดนึกฝ่าโควิด

คอลัมน์ชั้น 5 ประชาชาติ

กฤษณา ไพฑูรย์

 

ทุกวันนี้หลายคนตื่นขึ้นมาเสพข่าวสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่เช้ายันดึก

เพื่อนฝูงคนรอบข้าง ส่งไลน์แต่ข่าวด้านลบตั้งแต่การรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสที่เพิ่มขึ้นหลัก 2 หมื่น

แถมยังบอกว่า ตัวเลขนี้ยังไม่นับรวมผู้ติดเชื้อจากชุดตรวจด้วยตัวเอง (ATK) ที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลสนาม และศูนย์พักคอยอีกนับหมื่นคนทั่วประเทศ

อีกทั้งตัวเลขผู้เสียชีวิตจำนวนหลายร้อยคนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ขณะที่หมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์รับมือกันไม่ไหว คนป่วยนอนตายที่บ้าน โดยที่ไม่ได้รับยาต้านไวรัส

ญาติพี่น้อง คนรอบข้างหลายคนบ่น ถูกเลื่อนการ “ฉีดวัคซีน” แบบเลื่อนแล้วเลื่อนอีก

บางคนธุรกิจมีปัญหา ขาดรายได้ ตกงานยิ่งแล้วไปกันใหญ่ เมื่อเสพข่าวเหล่านี้วนเวียนไปทุกวัน

ยิ่งทำให้จิตตก ห่อเหี่ยว กังวลใจในการดำรงชีวิต การดำเนินธุรกิจที่จะเดินไปข้างหน้า คิดอะไรก็ไม่ออก อย่างที่มีข่าวบางคนท้อแท้ ถึงขั้นจบชีวิต

ผู้เขียนเองอยู่ในแวดวงข่าวที่ต้องรับผิดชอบ จะหลบเลี่ยงไม่เสพข่าวเหล่านี้ก็ไม่ได้ แต่มีวิธีการผ่อนคลาย ที่จะไม่เอาข่าวเหล่านี้มาเครียด มากระทบจิตใจ

วันนี้จึงอยากแนะนำให้ทุกคนมาสร้าง “พลังจิต” เพื่อให้หลับสบาย คลายเครียด คลายกังวล กำจัดโรคภัยไข้เจ็บ ทำให้สมองปัญญาดี มีความรอบคอบ ในการคิดอ่านหาทางออกในการแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้นอย่างมีสติ

ตามแนวทางของ “หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร” ได้แสดงธรรมไว้ตั้งแต่ครั้งมีชีวิตอยู่เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2558 ผ่านเพจสัมมาสมาธิ

โดยพูดเปรียบเทียบว่า งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข แต่เงินถ้าใช้ไม่ถูกทาง มันพาเราไปลงนรก บางคนก่อนจะตายก็ห่วงทรัพย์สินเงินทอง จิตที่เป็นห่วง เสียดายเงินที่หาไว้มากมายไม่ได้ใช้ นี่อันตราย…อย่างนี้ตายไปเกิดเป็น “เปรต” แน่นอน

หลวงพ่อบอกว่า ถ้าเปรียบเทียบว่า “เงิน” เปรียบเหมือน “พลังจิต” เราผลิตพลังจิต ซึ่ง “พลังจิต” หลวงพ่อเปรียบเหมือนกับ “เงิน” มันเป็นแก้วสารพัดนึก

แต่พลังจิตต้องผลิตด้วยตนเอง คนอื่นจะมาผลิตให้เราไม่ได้ เหมือนกับการรับประทานอาหาร เราต้องรับประทานเอง จะให้คนอื่นมารับประทานแทนเราไม่ได้ เหมือนกับเรารักลูก อยากให้กินอาหารที่มีประโยชน์ เราอยากจะกินแทนลูก ก็ทำไม่ได้ ลูกอยากจะเติบโตแข็งแรง ต้องกินเอง

พลังจิตก็เช่นเดียวกัน เราจะให้คนอื่นผลิตให้เรานั้นไม่ได้ เราอยากได้พลังจิต เราต้องทำงาน คือ เราต้องเดินจงกรม เราต้องนั่งสมาธิ ถ้าเราไม่ทำสมาธิ เราก็ไม่ได้พลังจิต อันเดียวกัน

หลวงพ่อแนะนำว่า การจะสร้างพลังจิต ง่ายนิดเดียว “นึกพุทโธ 5 นาที” โดยวางจิตว่าง ๆ ไม่คิดอะไร ไว้ได้ 3 จุด แล้วแต่ใครจะสะดวกเลือกตรงไหน คือ หน้าผาก หัวอกเบื้องซ้าย และสะดือก็ได้ แล้วแต่สะดวก

หากใครอยากเริ่มต้นฝึก หลวงพ่อมีหลักสูตรสอนปฏิบัตินึกพุทโธ 5 นาที เรียกว่า “วิทิสาสมาธิ”

ถ้าทำสมาธินานขึ้น 5-7 วันต่อเนื่อง หลวงพ่อมีหลักสูตรสอน เรียกว่า “ชินนสาสมาธิ”

แต่ถ้าจะฝึกปฏิบัติอย่างเข้มข้น เป็นครูอาจารย์สอนได้ มีหลักสูตร “ครูสมาธิ” ใช้เวลาเรียน 6 เดือน ซึ่งผู้สนใจปฏิบัติเบื้องต้นสามารถเปิดฟังเสียงบรรยายของหลวงพ่อได้ในยูทูบ หรือเพจหลวงพ่อวิริยังค์ โดยสถาบันจิตตานุภาพ กำลังมีหลักสูตรสอนออนไลน์ให้เลือกเรียน

หลวงพ่อแนะนำว่า พลังจิตถ้าทำได้แล้วไม่สลายตัว จะอยู่ต่อเนื่องกับเรา พลังจิตเมื่อ “แข็งแกร่ง” แล้วจะกลายเป็น “ตัวเตือน” เป็น “แก้วสารพัดนึก”

เราเปรียบ “พลังจิต” เป็นเหมือน “เงิน” เราจะนำพลังจิตไปซื้ออันดับแรก “ซื้อจิตที่เป็นสมาธิ” ซื้ออันดับต่อไปคือ ซื้อความจำต่าง ๆ เราสามารถที่จะซื้อได้ ซื้อญาณ ซื้อฌาน อะไรต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับด้านจิตใจ

“ถ้าหากเราจะมีชีวิตอยู่ เราจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม ถ้าไม่เอาของดีเก็บไว้ให้กับตัวเรา คือการสร้างพลังจิต เวลาตาย แม้แต่ร่างกายที่เรารักนี้ ก็ยังเอาไปไม่ได้เลย เวลาจิตออกไป คนอื่นเอาร่างกายเราไปเผา เหลือแต่ขี้เถ้า แต่ใจเรายังอยู่ การทำสมาธิได้พลังจิตไม่ใช่ขี้เถ้า ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ จะเป็นของเราตลอดกาล”

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “อัตตาหิ อัตตโนนาโถ : ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” เมื่อถึงเวลาจิตจะออกจากร่าง เราจะรู้ว่า ตนเป็นที่พึ่งของตนคืออะไร

เวลาเราจะตาย มีคนที่มานั่งแวดล้อม ก็ช่วยไม่ได้ ในที่สุดก็ตาย

พลังจิตก็เหมือนกัน เราภาวนาพุทโธไป พอเวลาคับขันขึ้นมา พลังจิตก็มาช่วยเราไปอีกหลายภพชาติ

พลังจิตเหมือนกัน ถ้าทำมามากแล้วก็รอวันสุข ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ มันจะเป็นของเราตลอดกาล

ดังนั้นหลายคนที่กำลังเครียด วุ่นวายใจ วิตกกังวลว่าชีวิตและธุรกิจจะไปต่ออย่างไร ลองมาหัดทำสมาธิสร้างพลังจิต เชื่อว่าทุกอย่างจะมีทางออกที่ดีแน่นอน ดั่งที่หลวงพ่อวิริยังค์สอนไว้