ธุรกิจกัดฟันรับคลายล็อก อัดแคมเปญ-แบกต้นทุนเพิ่ม ลุ้นปลายปีคึกคัก

ห้างฯอัดโปรโมชั่น
(File Photo by Romeo GACAD / AFP)

ศบค.คลายล็อก 29 จังหวัดโซนสีแดงเข้ม-คงเคอร์ฟิว 14 วัน ให้เดินทางข้ามจังหวัด “ห้าง” เฮ ! เปิดบริการทุกแผนก ร้านอาหารให้นั่งทาน 50-75% ยกระดับป้องกันโควิด ชู COVID-free setting-universal prevention สถานที่เสี่ยงกลุ่มเสี่ยง ต้องฉีดวัคซีนครบโดส-ATK ทุกสัปดาห์ 1 ต.ค.นี้ “เดอะมอลล์-เซ็นทรัล” กัดฟันแบกต้นทุน อัดแคมเปญกระตุ้น ลุ้นปลายปีกลับมาคึกคัก

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2564 ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมเป็นประธาน ผ่านระบบการประชุมทางไกล (video conference) มีมติเห็นชอบให้คงประกาศห้ามออกนอกเคหสถานเวลา 21.00-04.00 น. และมาตรการ work from home อย่างน้อย 14 วัน

รวมถึงห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 25 คน และปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ในจังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด (สีแดงเข้ม) สำหรับการปิดกิจการ กิจกรรม ดังนี้

ไฟเขียวเดินทางข้ามจังหวัดได้

1.การเดินทางข้ามจังหวัด จากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดได้ ขอความร่วมมือหลีกเลี่ยงเดินทาง หรือต้องมีเหตุจำเป็น ส่วนระบบขนส่งสาธารณะ จำกัดผู้โดยสารไม่เกิน 75% ให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา

ห้ามรับประทานอาหาร มาตรการรถโดยสาร หรือรถตู้ ระยะทางไกลควรแวะพักทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อระบายอากาศ การเดินทางไปทำงานของแรงงาน ให้ใช้ระบบ seal route ตามมาตรการ bubble and seal โดยให้ผู้ประกอบการ กระทรวงคมนาคม และสำนักงานการบินพลเรือนกำกับการติดตาม

เปิดร้านอาหารถึง 2 ทุ่ม

2.การเปิดบริการของร้านอาหาร สำหรับร้านอาหารที่อยู่นอกอาคาร หรือในอาคาร แต่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ โล่ง อากาศถ่ายเทดี ให้นั่งรับประทานได้ 75% ร้านที่มีเครื่องปรับอากาศ นั่งรับประทานได้ 50% งดจำหน่าย งดดื่มสุราในร้าน

3.ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ กิจการและกิจกรรมเปิดดำเนินการได้ทุกแผนก ภายใต้มาตรการ ดังต่อไปนี้ กลุ่มที่ 1 กิจการ กิจกรรมที่เปิดได้แบบมีเงื่อนไข เปิดได้เฉพาะตัดผมเท่านั้น ใช้บริการไม่เกิน 1 ชั่วโมง

เปิดได้เฉพาะนวดเท้า คลินิกเสริมความงามเปิดจำหน่ายสินค้าเท่านั้น ร้านอาหาร เปิดได้ตามเงื่อนไขถึงเวลา 20.00 น. กลุ่มที่ 2 กิจการ กิจกรรมที่ยังไม่เปิดบริการ ได้แก่ สถาบันกวดวิชา โรงภาพยนตร์ สปา สวนสนุก สวนน้ำ ฟิตเนส ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ ห้องจัดประชุม/จัดเลี้ยง

เปิดเสริมสวย-สนามกีฬา

4.การเปิดกิจการ กิจกรรมบางประเภท ได้แก่ ร้านเสริมสวย ร้านนวด (เฉพาะนวดเท้า) 5.การใช้อาคารของสถานศึกษา สามารถใช้อาคารของสถานศึกษาได้ โดยผ่านความเห็นชอบของผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในพื้นที่ ร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร

6.การเปิดใช้สนามกีฬา และสวนสาธารณะ ประเภทกลางแจ้ง หรือสนามกีฬาในร่มที่เป็นที่โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีระบบปรับอากาศ สามารถใช้ในการเล่น ซ้อม หรือแข่งขันกีฬาได้แบบไม่มีผู้ชม ฯลฯ

สามารถเปิดใช้สนามกีฬาทุกประเภทสำหรับการฝึกซ้อมของนักกีฬาทีมชาติไทย แบบไม่มีผู้ชม เปิดถึงเวลา 20.00 น.

มาตรการจังหวัดสีแดงเข้ม

พื้นที่ควบคุม (สีแดง) 31 จังหวัด ไม่จำกัดการเดินทาง ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 50 คน บริโภคในร้านอาหารได้ และเปิดได้ไม่เกิน 23.00 น. (งดการจำหน่ายและงดดื่มสุราในร้าน) ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าเปิดได้ตามปกติ (จำกัดจำนวนคน งดกิจกรรมส่งเสริมการขาย) ร้านเสริมสวย ร้านนวด

สถานเสริมความงาม เปิดได้ตามปกติ สถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชา ให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอน กิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด สถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬา เปิดได้ทุกประเภทไม่เกิน 21.00 น. จัดการแข่งขันกีฬาโดยจำกัดผู้ชม

พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 11 จังหวัด ห้ามกิจกรรมรวมคนมากกว่า 100 คน บริโภคในร้านอาหารได้และเปิดได้ตามปกติ (งดการจำหน่ายและงดดื่มสุราในร้าน) ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าเปิดได้ตามปกติ (ปิดส่วนเครื่องเกม สวนสนุก) ร้านเสริมสวย ร้านนวด สถานเสริมความงาม เปิดได้ตามปกติ

สถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชา ให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติ ภายใต้มาตรการป้องกันโรค สถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬา เปิดได้ตามเวลาปกติ ทุกประเภท จัดการแข่งขันกีฬาโดยจำกัดผู้ชม

1 ก.ย. ฉีดวัคซีนครบโดส-ATK

ทั้งนี้ ทุกระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรต้องมีมาตรการ universal prevention ปิดสถานบริการ สถานบันเทิง และสถานบริการอื่นในลักษณะคล้ายกัน และเห็นชอบให้ยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโควิด เปิดกิจการ/จัดกิจกรรมให้ปลอดภัย

และยั่งยืนด้วยหลักการ COVID-free setting สำหรับสถานที่เสี่ยงและกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ การได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ การตรวจ ATK ทุกสัปดาห์เป็นเกณฑ์ โดยขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ดำเนินการในพื้นที่นำร่องตั้งแต่ 1 ก.ย.เป็นต้นไป หรือสถานที่ที่มีความพร้อม และเริ่มใช้มาตรการเต็มรูปแบบตั้งแต่ 1 ต.ค. 2564 เป็นต้นไป

“เดอะมอลล์” ปรับแผนรับ

นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บจ.เดอะมอลล์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า การเปิดเมืองสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าในการกลับมาเดินช็อปปิ้งภายในศูนย์อีกครั้ง ทั้งเรื่องความสะอาด ความเชื่อมั่นทุก ๆ ด้าน

และต้องปรับสินค้าและบริหารให้สอดรับพฤติกรรมในการใช้จ่ายที่เปลี่ยนไป อาทิ ใช้เวลาในศูนย์น้อยลง ความถี่ในการใช้บริการน้อยลง เน้นซื้อของจำนวนชิ้นมากขึ้น ตรงนี้คือสิ่งที่ต้องบริหารจัดการทั้งเรื่องแคมเปญ การบริหารจัดการสินค้าต่อไปในอนาคต

“มาตรการรัฐที่ออกมา ถ้าต้องตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ถือเป็นเรื่องหนัก ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระต้นทุนเพิ่ม ถ้าลูกค้าที่จะเข้าศูนย์ต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มก่อนจะเป็นปัญหามาก เพราะตัวเลขผู้ฉีดวัคซีนเข็ม 2 ในกรุงเทพฯยังน้อย ตัวเลขผู้ใช้บริการจะน้อยลงด้วย”

ขอ “ช้อปดีมีคืน-ชิม ช้อป ใช้”

หลังเปิดเมืองยังต้องดูตัวเลขผู้ติดเชื้อ 1-2 สัปดาห์แรก รวมทั้งกำลังซื้อ ความเชื่อมั่น จากนั้นช่วง 1 เดือนแรกต้องจับตาดูสถานการณ์ (wait & see) ก่อนเปิดแคมเปญหรือทำอะไรต่อในไตรมาส 4

เบื้องต้นอยากให้รัฐสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน และมีมาตรการซัพพอร์ตทั้งเรื่องลดภาษี นำมาตรการช้อปดีมีคืน หรือชิม ช้อป ใช้ กลับมาใช้อีกครั้ง

“ไตรมาส 4 ถือเป็นไฮซีซั่นที่มีสัดส่วนยอดขายกว่า 30% ของทั้งปี หากมีมาตรการกระตุ้นยอดขายออกมาช่วงปลายปี การระบาดลดลง วัคซีนได้ตามเป้า ภาพรวมปลายปีจะกลับมาคึกคัก แผนงานของเดอะมอลล์มีการเตรียมความพร้อมรับการเปิดเมือง 1 ก.ย.นี้เต็มรูปแบบ”

“CPN” อัดแคมเปญกระตุ้น

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการตลาด บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เปิดเผยว่า เตรียมความพร้อมรับมาตรการภาครัฐแล้ว โดยสมาคมธุรกิจต่าง ๆ ได้หาแนวทางในการป้องกันร่วมกัน

รวมถึงสมาคมศูนย์การค้าไทย เป็นการบาลานซ์ความปลอดภัยประชาชนให้เข้มข้นขึ้น แต่ต้องไม่ตึงจนเป็นภาระผู้ประกอบการมากเกินไป หลังเปิดเมืองนี้จะช่วยให้เศรษฐกิจและการจับจ่ายกลับมาดีขึ้น

ช่วยประคับประคองธุรกิจให้รอดพ้นวิกฤต ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนประชาชนเพิ่มขึ้นจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและมู้ดการออกมาจับจ่าย หากเริ่มเปิดประเทศได้ ธุรกิจต่าง ๆ น่าจะทำแคมเปญและโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายอย่างเต็มที่

เครือเซ็นทรัลขานรับ

นายณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บจ.เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (ซีอาร์จี) กล่าวเช่นเดียวกันว่า พร้อมเปิดร้านภายใต้เงื่อนไข ศบค. เช่น ให้ผู้มาใช้บริการต้องฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็ม การตรวจเอทีเค หรือผลตรวจอาร์ที-พีซีอาร์ เพราะบริษัทมีพนักงานหลักพันคนต้องแบกรับต้นทุนสูง

แต่เห็นสัญญาณบวกแม้ช่วงแรก ๆ ทราฟฟิกอาจกลับมาไม่มาก ช่วงแรกคงทยอยเปิดร้าน ไม่เปิดทีเดียวพร้อมกันทุกสาขา จะพิจารณาตาม potential ในแต่ละพื้นที่ ตั้งเป้าจะเปิดให้ได้มากที่สุด

เพราะจะช่วยให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 20% อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสาขาคลาวด์คิทเช่นนอกห้าง ยังถือเป็นกลยุทธ์หลักที่อยู่ในแผนระยะยาว ยังทำตามแผน เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ามากที่สุด

ชี้สัญญาณดียอมแบกต้นทุน

นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป เจ้าของแบรนด์ อาทิ ร้านอาหารญี่ปุ่น เซ็น อากะ ร้านอาหารญี่ปุ่น ปิ้งย่าง, มูฉะข้าวหน้าล้น, ออน เดอะ เทเบิล อาหารสไตล์ฟิวชั่น, อาหารตามสั่ง เขียง ฯลฯ เปิดเผยว่า ธุรกิจร้านอาหารพร้อมกลับมาเปิดให้บริการนั่งทานในร้าน เพราะปิดบริการมา 1 เดือนกระทบทั้งเรื่องพนักงาน กระแสเงินสด ต้องการให้ธุรกิจกลับมารันต่อ

แม้ยังกังวลต้นทุนที่มาพร้อมเงื่อนไข และมาตรการการเปิดร้าน อาทิ ต้องตรวจคัดกรองพนักงานด้วยชุดเอทีเค ทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นหลายล้านบาท ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการบางรายเลือกที่จะไม่เปิดร้าน เพราะแบกต้นทุนไม่ไหว

สำหรับ “เซ็น คอร์ปอเรชั่น” พร้อมเปิดให้บริการและปฏิบัติตามมาตรการ แม้ต้นทุนเพิ่ม แต่เป็นสัญญาณที่ดี ระยะสั้นรายได้จะยังไม่กลับมา จึงต้องเจรจาขอลดค่าเช่าและบริหารจัดการค่าใช้จ่ายพนักงาน ที่ต้องทำควบคู่คือให้น้ำหนักสาขานอกห้าง กระจายความเสี่ยง คาดว่าไตรมาส 4 มู้ดจับจ่ายจะดีขึ้น

“ไอที-มือถือ” คาดกำลังซื้อฟื้น

ด้านนายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ.เจมาร์ท โมบาย กล่าวว่า บริษัทมีแผนรองรับทั้งมาตรการเปิดและปิดห้าง หากกลับมาเปิดในห้างได้ก็จะปฏิบัติตามมาตรการที่ห้างกำหนด คาดว่าผู้ใช้บริการอาจไม่คึกคัก แต่ทำให้บรรยากาศดีขึ้น เป็นสัญญาณที่ดี

“แม้ในห้างจะเปิดได้ แต่ยังจำกัดจำนวนคนเข้าร้าน เราจึงยังเปิดสาขานอกห้าง หรือพ็อปอัพสโตร์ต่อ โดยไตรมาส 4 จะเปิดอีก 40 แห่งกระจายทั่วประเทศ โดยเฉพาะช็อปอินช็อปในร้านซิงเกอร์ ที่ยังไม่ปิดสาขานอกห้าง เพราะเชื่อว่ายังต้องอยู่กับสถานการณ์นี้ต่อไปอีก”

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมบริหารจัดการพนักงานใหม่ จากที่ผ่านมาโยกย้ายออกไปให้บริการสาขานอกห้าง โดยช่วงล็อกดาวน์เปิดพ็อปอัพสโตร์ไปแล้ว 40 แห่ง หากเปิดห้างได้อาจลดพ็อปอัพสโตร์ลง และเพิ่มบุคลากรให้สอดรับกับจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น

นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บจ.เอปสัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า มาตรการคลายล็อกเปิดศูนย์การค้า ทำให้ผู้บริโภควางใจสถานการณ์มากขึ้น เป็นการกระตุ้นกำลังซื้อให้ผู้บริโภคออกมาจับจ่าย เกิดเงินหมุนเวียนในระบบ

เพราะที่ผ่านมายอดขายในทุกธุรกิจจำกัดอยู่เฉพาะช่องทางออนไลน์ การเปิดห้าง คลายล็อกบางกิจการจึงเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นได้ เอปสันคาดว่าจะช่วยดันยอดขายให้โตขึ้นได้ไม่ต่ำกว่า 10%

“ปทุมฯ-เพชรบุรี” ตอบรับ

ส่วนความเคลื่อนไหวในต่างจังหวัดภาคธุรกิจส่วนใหญ่ขานรับเช่นเดียวกัน โดยนายสุรพงษ์ เป้ากลาง ประธานหอการค้าปทุมธานี เปิดเผยว่า เห็นด้วยกับการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม เพราะเงื่อนไขต่าง ๆ เอกชนปฏิบัติได้ และส่วนใหญ่ลงทุนซื้อวัคซีนให้พนักงานแล้ว

อย่างปทุมธานี มีประชากรกว่า 1 ล้านคน ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 800,000 คน หลังผ่อนคลายมาตรการจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ เศรษฐกิจจะคึกคักขึ้น

ขณะที่นายพันธุ์ธัช หิรัญจิรวงศ์ ประธานหอการค้าเพชรบุรี กล่าวว่า เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าวเช่นกัน แม้มีค่าใช้จ่ายแต่ผู้ประกอบการรับได้ อย่างน้อยการเปิดร้านจะมีรายได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

จี้รัฐช่วยลดภาระต้นทุนแรงงาน

นายธนวัง ศรีนันทพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ โรงแรมสีมาธานี เปิดเผยพร้อมเปิดทำการทันทีเมื่อภาครัฐคลายล็อก เนื่องจากพนักงานของโรงแรมฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว 100%

“สำหรับผู้ประกอบการตอนนี้ปรับต้นทุนและโครงสร้างให้คล่องตัวมากขึ้นแล้ว ถ้ากลับมาเปิดร้านอาหารได้ก็พร้อม แม้ภาพรวมทั้งปีรายได้จะต่ำกว่าปีที่ผ่านมา แต่ 2 เดือนสุดท้ายปีอาจฟื้น เพราะประชาชนน่าจะได้รับการฉีดวัคซีนมากขึ้น”