ทรายแมวมันสำปะหลัง ผลงานคนไทย สร้างยอดขายปีแรก 5 ล้านบาท

ทรายแมวมันสำปะหลัง

นักวิจัยไทย โชว์ผลสำเร็จผลิตภัณฑ์ทรายแมวจากมันสำปะหลัง ช่วยดูดซับของเหลวและกลิ่นปัสสาวะแมวได้ดี ย่อยสลายได้ในธรรมชาติ ทำยอดขายปีแรกได้ 5 ล้านบาท เตรียมต่อยอดอนาคตบ่งชี้โรคได้ พร้อมขยายตลาดต่างประเทศ 

วันที่ 9 กันยายน 2565 ดร.ลัญจกร อมรกิจบำรุง นักวิจัยสังกัดภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ด้วยความที่เป็นคนชอบเลี้ยงแมวและใช้ผลิตภัณฑ์ทรายแมวมากว่า 10 ปี สังเกตเห็นว่าทรายแมวในท้องตลาดเกือบ 100% นำเข้าจากต่างประเทศ จึงสงสัยว่าเพราะเหตุใดบ้านเราถึงไม่มีการผลิตทรายแมวใช้เอง

จากนั้นเริ่มมองหาวัตถุดิบที่เป็นผลิตผลทางการเกษตรของไทยว่ามีอะไรบ้างที่น่าจะนำมาทำเป็นทรายแมวได้ เช่น แกลบ ชานอ้อย จนมาลงตัวที่มันสำปะหลัง จึงได้พัฒนาทรายแมวจากมันสำปะหลังภายใต้ชี่อการค้า “ไฮด์แอนด์ซีค”

“เพราะมันสำปะหลังมีคุณสมบัติด้านความเหนียวเมื่อโดนน้ำ ซึ่งตรงกับลักษณะการใช้งานของทรายแมว ที่ต้องมีคุณสมบัติในการดูดซับของเหลว และจับตัวเป็นก้อนได้เร็ว นอกจากนี้ทรายแมวจากมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบธรรมชาติที่สามารถกำจัดโดยทิ้งลงชักโครกได้เลย”

ดร ลัญจกร อมรกิจบำรุง

เป็นมิตรต่อธรรมชาติ

ดร.ลัญจกรกล่าวต่อว่า นวัตกรรมนี้ตอบโจทย์ในการสร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง แถมยังให้ความมั่นใจกับบรรดาทาสแมวทั้งหลายที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย ประสิทธิภาพสูง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันตลาดผลิตภัณฑ์ทรายแมวมีทางเลือกให้ผู้บริโภคหลากหลาย ไม่ว่าทรายแมวที่ทำจากหินภูเขาไฟ ไม้สน เต้าหู้ และทรายแมวจากมันสำปะหลังไฮด์แอนด์ซีค นับเป็นตัวเลือกล่าสุด ที่มั่นใจว่าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การเลี้ยงแมวในคอนโดฯหรือในพื้นที่จำกัด เนื่องด้วยประสิทธิภาพ ความปลอดภัยต่อสุขภาพ และคุณสมบัติการย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ

“ทรายแมวของเราทำจากมันสำปะหลัง 100% ไม่มีสารเคมีเจือปน จึงปลอดภัยต่อแมวและผู้เลี้ยง ไม่มีฝุ่นจากหินดินทรายที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเมื่อหายใจเข้าไป นอกจากนี้ทรายแมวจากมันสำปะหลังยังจับตัวเป็นก้อนง่าย เมื่อแมวใช้งานแล้วก็สะดวกในการเก็บและนำไปทิ้งชักโครกได้เลย เพราะมันสำปะหลังสามารถละลายแตกตัวในน้ำได้เร็วและย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ที่สำคัญ ทรายแมวจากมันสำปะหลังดูดกลิ่นได้ดีกว่าผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุอื่น ๆ ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด”

เพิ่มรายได้เกษตรกร

กระบวนการผลิตเริ่มจากการนำมันสำปะหลังทั้งหัวมาย่อยเป็นชิ้นเล็ก ๆ ทำให้แห้งก่อนบดเป็นผง จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการแปรรูปด้วยการใช้ความร้อนและความดันที่เหมาะสม จนได้ทรายแมวอัดรูปเม็ดเล็กละเอียดข้อดีของการใช้มันสำปะหลังคือเป็นวัตถุดิบที่มาจากพืช ทำให้สามารถปลูกทดแทนขึ้นมาได้ ซึ่งต่างจากทรายแมวที่ใช้แร่หินเบนโทไนต์ ซึ่งได้จากการระเบิดภูเขา เป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ

ทั้งนี้ การปลูกมันสำปะหลังทดแทนเป็นการช่วยเกษตรกรให้มีรายได้หมุนเวียนสม่ำเสมอตลอดทั้งปี อนาคตวางแผนจะตั้งโรงงานผลิตทรายแมวจากมันสำปะหลังในแหล่งเพาะปลูกที่ จ.ชลบุรี

“เราได้ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับเกษตรกรแล้วว่าอยากส่งเสริมให้พวกเขาปลูกมันสำปะหลัง ซึ่งเราพร้อมจะรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 10 บาทขึ้นไป ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าที่เกษตรกรเคยขายกันในราคาที่กิโลกรัมละ 4-5 บาท แต่เกษตรกรต้องให้ความร่วมมือในการปลูกมันสำปะหลังที่ได้คุณภาพอย่างที่เราต้องการ เพื่อเป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตทรายแมวที่มีคุณภาพ”

ทรายแมวมันสำปะหลัง

 

มูลค่าตลาดสูง 800 ล้าน

ดร.ลัญจกรกล่าวอีกว่า ตลาดของผลิตภัณฑ์ทรายแมวเป็นตลาดมีการแข่งขันสูง โดยในประเทศไทยมูลค่าของตลาดสูงกว่า 800 ล้านบาทต่อปี ส่วนตลาดทั่วโลกอยู่ที่ราว 280,000 ล้านบาทต่อปี  

“ตลาดทรายแมวมีการแข่งขันสูงมาก การหากลยุทธ์ที่จะทำให้ทรายแมวของเราเป็นที่รู้จัก และให้คนหันมาใช้จึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย ซึ่งผลิตภัณฑ์ทรายแมวจากมันสำปะหลังไฮด์แอนด์ซีค ออกจำหน่ายในท้องตลาดได้ประมาณ 2 ปีแล้ว มียอดขายภายในประเทศปีแรกราว 5 ล้านบาท และในปีที่ 2 มูลค่าการขายเพิ่มขึ้นเท่าตัวคือ 10 ล้านบาท นอกจากการจำหน่ายในประเทศแล้วยังได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ทรายแมวของไทยไปต่างประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย เวียดนาม มาเลเซีย และกำลังเจรจาเพื่อส่งไปขายยังประเทศอิตาลี และญี่ปุ่น เร็ว ๆ นี้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม จากมันสำปะหลังสู่ทรายแมวคุณภาพ เริ่มมีผู้ประกอบการหลายรายสะท้อนความต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพืชผลการเกษตรของตนเอง เช่น ชานอ้อย แกลบ ก็สามารถแปลงเป็นทรายแมวได้ แต่ไม่ง่ายเหมือนมันสำปะหลัง เนื่องจากขาดคุณสมบัติของความเหนียว แต่ก็อาจทำได้โดยการปรับปรุงสูตรด้วยการเติมแป้งมันหรือสารให้ความเหนียว

“ที่ผ่านมามีผู้สนใจมาปรึกษาอยากทำทรายแมวอยู่เยอะพอสมควร เช่น ผู้ประกอบการโรงสีข้าวซึ่งมีแกลบเหลือทิ้ง หรือแม้แต่ผู้ประกอบการที่มีเส้นใยกัญชง ซึ่งมีแกนที่ใช้ทำอะไรไม่ได้ แล้วอยากนำมาทำให้เกิดประโยชน์ ซึ่งก็มีโอกาสทำได้ แต่ต้องใช้เวลาศึกษาพัฒนาปรับปรุงสูตรต่อไปในอนาคต”

ต่อยอดบ่งชี้โรค

ปัจจุบันกำลังต่อยอดผลิตภัณฑ์ทรายแมวที่สามารถบ่งชี้สุขภาพแมวได้ในเบื้องต้น เรากำลังวางแผนต่อยอดผลิตภัณฑ์ทรายแมวที่สามารถช่วยเฝ้าระวังโรคของแมวได้ เพื่อให้เจ้าของสามารถเห็นความผิดปกติของสุขภาพแมวตั้งแต่ระยะแรก ๆ ก่อนจะป่วยหนัก จะได้พาน้องแมวไปรับการรักษาได้ทันท่วงที

ผลิตภัณฑ์ทรายแมวที่กำลังวิจัยนี้สามารถตรวจวัดค่า pH และปริมาณกลูโคสในปัสสาวะแมว และแสดงผลด้วยการเปลี่ยนสี บ่งบอกถึงความเสี่ยงที่จะเกิดโรค เช่น โรคไต การติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ และโรคเบาหวาน

สำหรับการต่อยอดงานวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ โครงการต้นแบบนักประดิษฐ์ไทย นักประดิษฐ์โลก ประจำปี 2565 โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.คเนศ วงษ์ระวี ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ เป็นหัวหน้าโครงการ คาดว่าในปลายปีนี้งานวิจัยจะแล้วเสร็จ พร้อมมีผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายให้ได้ทดดลองใช้กัน

ในส่วนของผลิตภัณฑ์ทรายแมวจากมันสำปะหลัง “ไฮด์แอนด์ซีค” ถุงขนาด 2.7 กิโลกรัม จำหน่ายราคาถุงละ 220-250 บาท ใช้ได้ราว 3 อาทิตย์ต่อแมว 1 ตัว มีจำหน่ายที่ร้าน Pet Sop ในห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้ยังมีจำหน่ายที่โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ภายใต้ชื่อแบรนด์ Dr.Choice ภายใต้การผลิตแบบ OEM (Original Equipment Manufacturing)