เร่งนายจ้างแรงงานต่างด้าว ครม. 5 ก.ค. ชำระเงิน-ขออนุญาต ภายใน 15 ต.ค.

แรงงานต่างด้าว

โค้งสุดท้าย! รมว.แรงงาน ย้ำนายจ้างที่จ้างแรงงานต่างด้าวที่ยังมีสถานะ “ไม่ถูกต้อง” ตามมติ ครม. 5 ก.ค. 2565 ชำระเงินและขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว ภายใน 15 ต.ค. 2565

วันที่ 14 ตุลาคม 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 กำหนดให้นายจ้างที่ใช้แรงงาน 4 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ที่ยังมีสถานะ “ไม่ถูกต้อง” แต่ประสงค์จะทำงานอย่างถูกต้อง ดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด โดยขั้นตอนแบ่งเป็น 3 ช่วงระยะคือ

ช่วงที่ 1: วันที่ 1-15 สิงหาคม 2565 ยื่นบัญชีรายชื่อแจ้งความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว (name list) ต่อกรมการจัดหางาน

ช่วงที่ 2: วันที่ 16 สิงหาคม-15 ตุลาคม 2565 ชำระค่าธรรมเนียมผ่านธนาคารกรุงไทย และยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว พร้อมแนบเอกสารที่เกี่ยวข้อง โดยนายทะเบียนจะออกใบรับคำขออนุญาตทำงาน เพื่อให้แรงงานข้ามชาติใช้ใบรับคำขออนุญาตทำงานและใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐานคู่กัน แสดงว่าได้รับการผ่อนผันให้ทำงานได้ จนกว่าจะได้รับใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว

ช่วงที่ 3: วันที่ 16 สิงหาคม 2565-13 กุมภาพันธ์ 2566 จัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล ตรวจสุขภาพ 6 โรค ยื่นเอกสาร/พิจารณาอนุมัติในระบบ จัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติ

โดยขณะนี้ใกล้สิ้นสุดระยะเวลาการดำเนินการช่วงที่ 2 ดังนั้น เพื่อให้แรงงานข้ามชาติซึ่งอยู่ในความดูแลของนายจ้าง สามารถอยู่และทำงานต่อไปได้โดยถูกกฎหมาย นายจ้าง/สถานประกอบการจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดให้แล้วเสร็จ เพื่อสามารถดำเนินการในขั้นตอนถัดไป

นายสุชาติกล่าวว่า การเปิดโอกาสให้แรงงาน 4 สัญชาติที่ยังมีสถานะไม่ถูกต้อง และยังทำงานอยู่กับนายจ้างในประเทศไทยก่อนมีมติ ครม.วันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ได้ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง จะช่วยลดปัญหาขาดแคลนแรงงานของนายจ้าง/สถานประกอบการ ผลักดันแรงงานต่างด้าวที่เคยอยู่ใต้ดินเข้าสู่ระบบ รัฐเกิดรายได้ และสามารถบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญกับการใช้แรงงานถูกกฎหมาย ผมจึงขอกำชับนายจ้าง/สถานประกอบการ เร่งดำเนินการชำระเงิน และยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าวให้แล้วเสร็จภายใน 15 ตุลาคม 2565 เพื่อสามารถดำเนินการในขั้นตอนถัดไประหว่างวันที่ 16 สิงหาคม-13 กุมภาพันธ์ 2566”

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า หลังจากนายจ้าง/สถานประกอบการชำระค่าธรรมเนียมผ่านธนาคารกรุงไทย โดยมีค่ายื่นคำขอฉบับละ 100 บาท และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานฉบับละ 900 บาทแล้ว จะต้องยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว ตามแบบ บต.50 พร้อมแนบเอกสารประกอบการยื่นคำขออนุญาตทำงานตามแบบ อ.4

โดยนายทะเบียนจะออกใบรับคำขออนุญาตทำงาน เพื่อให้แรงงานข้ามชาติใช้ใบรับคำขออนุญาตทำงานและใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐานคู่กัน แสดงว่าได้รับการผ่อนผันให้ทำงานได้ จนกว่าจะได้รับใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว

หลังจากได้รับใบรับคำขออนุญาตทำงานฯและใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียม ให้ดำเนินการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนกับสำนักงานประกันสังคม โดยใช้หลักฐานดังกล่าวแสดงต่อเจ้าหน้าที่

กรณีทำงานกับนายจ้างในกิจการที่ต้องขึ้นทะเบียนประกันสังคม ในระหว่างที่ยังไม่เกิดสิทธิประกันสังคม ต้องซื้อประกันสุขภาพกับกระทรวงสาธารณสุข หรือซื้อประกันสุขภาพกับบริษัทประกันภัยเอกชน ซึ่งต้องได้รับสิทธิประโยชน์ไม่น้อยกว่าที่ได้รับจากการทำประกันสุขภาพกับกระทรวงสาธารณสุข

กรณีคนต่างด้าวทำงานกับนายจ้างในกิจการซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องขึ้นทะเบียนประกันสังคม จะต้องซื้อประกันสุขภาพกับกระทรวงสาธารณสุข จากนั้นนำหลักฐานการทำประกันสุขภาพของคนต่างด้าวมายื่นต่อนายทะเบียน เพื่อรับการพิจารณาอนุญาตให้ทำงาน นำคนต่างด้าวไปดำเนินการจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล ตรวจสุขภาพ 6 โรค ยื่นเอกสาร/พิจารณาอนุมัติในระบบ จัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติ ระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม 2565-13 กุมภาพันธ์ 2566

“มติครม. 5 ก.ค. 65 เปิดโอกาสให้แรงงาน 4 สัญชาติ ที่มีสถานะไม่ถูกต้อง อยู่และทำงานได้ถึง 13 กุมภาพันธ์ 2568 โดยแรงงานข้ามชาติกลุ่มดังกล่าวจะต้องได้รับอนุญาตทำงานถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ก่อน และหากประสงค์ทำงานต่อไป ต้องยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานก่อนที่ใบอนุญาตทำงานจะสิ้นอายุ และยื่นขอตรวจลงตรา VISA ภายใน 13 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อนายทะเบียนจะอนุญาตให้ทำงานคราวละ 1 ปี รวม 2 ครั้ง ครั้งแรกไม่เกิน 13 กุมภาพันธ์ 2567 ครั้งที่ 2 ไม่เกิน 13 กุมภาพันธ์ 2568”


หากนายจ้าง/สถานประกอบการ และแรงงานต่างด้าวต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694