AIS ขยายหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ สู่ 2.9 หมื่นโรงเรียนเครือ สพฐ.

AIS ขยายผลอุ่นใจไซเบอร์สู่ สพฐ.

AIS เดินหน้าขยายผลโครงการอุ่นใจไซเบอร์ หลักสูตรเรียนรู้ด้านการเสริมทักษะดิจิทัล หลักสูตรแรกของไทย มาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

ผ่านศึกษานิเทศก์ ครูอาจารย์ ไปสู่นักเรียน ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. ที่ครอบคลุมเขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 245 เขต รวม 29,000 โรงเรียนทั่วประเทศ ซึ่งจะเริ่มต้นการเรียนการสอนภายในภาคต้น ของปีการศึกษา 1/2566 เป็นต้นไป

“สายชล ทรัพย์มากอุดม” หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ เกิดจากการทำงานร่วมกัน AIS และภาครัฐ ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงมหาดไทย และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการยกระดับการเรียนการสอน ปลูกฝังทักษะดิจิทัล

ผ่านเนื้อหา 4 Professional Skill Module หรือ 4P4ป คือ 1) Practice : ปลูกฝังให้มีความรู้ ความเข้าใจในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างถูกต้องและเหมาะสม 2) Personality : แนะนำการปกป้องความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ 3) Protection : เรียนรู้การป้องกันภัยไซเบอร์บนโลกออนไลน์ และ 4) Participation : รู้จักการปฏิสัมพันธ์ด้วยทักษะและพฤติกรรมการสื่อสารบนออนไลน์อย่างเหมาะสม เพื่อปกป้องภัยไซเบอร์ รวมถึงสร้างภูมิคุ้มกันการใช้ชีวิตในโลกดิจิทัลยุคใหม่ให้กับเด็ก เยาวชน และคนไทย

“หลังจากที่ได้เปิดตัวหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ และได้มีการทดลองทดสอบบนระบบแซนด์บอกซ์ ที่มีคุณครู นักเรียน เข้าเรียนและสอบผ่านไปแล้วกว่า 160,000 คน จากการทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ตลอดปีที่ผ่านมา

AIS ขยายผลอุ่นใจไซเบอร์สู่ สพฐ.
ดร.วิษณุ ทรัพย์สมบัติ (ซ้าย) และสายชล ทรัพย์มากอุดม (ขวา)

ครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่ AIS พร้อมขยายผลผ่านไปยัง ครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนทั่วประเทศที่อยู่ในสังกัดของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. ในการนำเข้าไปอยู่ในการเรียน การสอน หรือกิจกรรม ที่จะบ่มเพาะให้นักเรียนค่อยๆเพิ่มพูนความรู้ และทักษะดิจิทัล ซึ่งถือเป็นการตอบโจทย์นโยบายการศึกษาขั้นพื้นฐานด้านเทคโนโลยีอย่างชัดเจน”

AIS เชื่อมั่นว่า ด้วยเทคนิคการสอนของครูอาจารย์ จะช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมผสมผสานกับองค์ความรู้ทางวิชาการที่จะสนับสนุนให้เยาวชนเกิดภูมิคุ้มกันภัยทางไซเบอร์ได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน

“ดร.อัมพร พินะสา” เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า การก้าวให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัลและเทคโนโลยี ถือเป็นภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการขยายโอกาสการเข้าถึงบริการทางการศึกษาอย่างสร้างสรรค์และปลอดภัย

“หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์สามารถตอบโจทย์เป้าหมายดังกล่าวได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในครั้งนี้ที่เราร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ดิจิทัลหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ไปยังสถาบันการศึกษาในสังกัด สพฐ.ทั่วประเทศ ที่จะทำให้นักเรียนและเยาวชนของเรามีความรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ที่แฝงมากับการใช้งานอินเทอร์เน็ต และสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีให้เกิดขึ้นสูงสุด เป็นการยกระดับภาคการศึกษาไทยให้ทั้งครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน ในกลุ่มก่อนระดับอุดมศึกษา มีองค์ความรู้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกเทคโนโลยี”

AIS ขยายผลอุ่นใจไซเบอร์สู่ สพฐ.

หลักสูตรเรียนรู้ด้านการเสริมทักษะดิจิทัลมีการเรียนการสอนที่หลากหลาย อาทิ เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กิจกรรมชุมนุม กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมแนะแนว หรือรูปแบบการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับโครงสร้างวิธีการทำงานของแต่ละสถาบันการศึกษา

ด้วยความพร้อมของบุคลากรของ สพฐ. ทั้ง 245 เขต ไม่ว่าจะเป็น ศึกษานิเทศก์ นักวิชาการ ผู้บริหารสถานศึกษา จะสามารถขยายผลให้ครูและนักเรียนทั่วประเทศได้เรียนรู้เนื้อหาหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ภายในภาคต้น ของปีการศึกษา 1/2566 ที่กำลังจะมาถึง และเชื่อว่าจะช่วยผู้เรียนให้สามารถรับมือและอยู่ร่วมกับการใช้งานออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์”

“ดร.วิษณุ ทรัพย์สมบัติ” ผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา กล่าวว่า ภัยดิจิทัลมีหลายรูปแบบ อาทิ การระรานทางไซเบอร์ การถูกเข้าถึงข้อมูลโดยมิชอบ การฉ้อโกงออนไลน์ รวมทั้งข่าวปลอม ดังนั้น การทำให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเรื่องความปลอดภัยในโลกออนไลน์จึงสำคัญ

หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์เป็นหลักสูตรที่มีความน่าสนใจ เนื่องจากช่วยปลูกฝังทักษะดิจิทัล สอดคล้องกับสมรรถนะสำคัญของนักเรียน ทั้งความสามารถทางการคิด และความสามารถทางการใช้เทคโนโลยี นำไปสู่การสร้างองค์ความรู้เพื่อการตัดสินใจ

สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษาจึงขยายผลการใช้หลักสูตรนี้ลงสู่สถานศึกษาในสังกัด สพฐ. โดยกระตุ้นให้ครูนำไปใช้เป็นสื่อการสอนเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้หน้าที่พลเมืองดิจิทัล (digital citizenship) บูรณาการกับรายวิชาทั้ง 8 กลุ่มสาระ จัดให้อยู่ในกิจกรรมชมรม กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน หรือกิจกรรมแนะแนว


“บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษา คือวางแผนและปรับใช้ในสถานศึกษา บทบาทของครูผู้สอน คือนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะทางดิจิทัลให้แก่นักเรียน สำหรับนักเรียน คือการศึกษาหาความรู้ และพัฒนาทักษะทางดิจิทัลของตนเอง และนำไปสู่การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน สามารถรับมือและอยู่ร่วมกับการใช้งานออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ รู้เท่าทัน ป้องกัน เพื่อการใช้ชีวิตในโลกดิจิทัลอย่างยั่งยืน”