“พาวเมด” คลีนิคกัญชาทางการแพทย์ รักษาโรคเรื้อรัง-ชะลอวัย

ตั้งแต่มีการเปิดกัญชาเสรีทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้เริ่มนำร่องใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ในโรงพยาบาลรัฐบาลก่อน 300 คลินิก และปัจจุบันโรงพยาบาลเอกชนต่าง ๆ ก็ได้เริ่มเปิดคลินิกกัญชาเพิ่มขึ้นตามลำดับ ซึ่งคาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยมูลค่าตลาดกัญชาในประเทศไทยถูกคาดการณ์ว่าภายในปี 2567 จะมีขนาดตลาดประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นกัญชาทางการแพทย์ 7,000 ล้านบาท  และตลาดกัญชาเพื่อการสันทนาการ ความเพลิดเพลินและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท

“พาวเมด คลินิก” (POW MED Medical Clinic) ลงสนามกัญชาสาขาแรก ที่โยธินพัฒนา 11 ถนนเลียบด่วนเอกมัยรามอินทรา ด้วยผลิตภัณฑ์เมดิคัล เกรด มาตรฐานโลก เน้นรักษาแบบแพทย์ทางเลือก ลดพึ่งพายาเคมี ใช้วิธีธรรมชาติ และสารสกัดกัญชาผสานนวัตกรรมการแพทย์ทันสมัย มีใบอนุญาตใช้และจำหน่ายกัญชารักษาโรค พร้อมใช้ระบบบัดดี้ดูแลสุขภาพคนทุกวัยอย่างใกล้ชิด วางเป้าโกยรายได้ 5 ล้านในปีแรก พร้อมลุยเปิดเพิ่ม 10  สาขาทั่วประเทศภายใน 3 ปี

พาวเมด คลินิก

นพ.ธนาเศรษฐ์ พื้นชมภูจิรโชติ แพทย์เฉพาะทางด้านกุมารเวชกรรม ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรการใช้สารสกัดจากกัญชาทางการแพทย์ สำหรับบุคลากรทางการแพทย์, กรมการแพทย์ และหนึ่งในผู้ก่อตั้ง พาวเมด คลินิก  เปิดเผยว่า พาวเมดเป็นคลินิกแพทย์แผนปัจจุบันที่ผสานการใช้ทางเลือกสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ และสมุนไพรแบบองค์รวม (holistic) ผสมผสานเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยโรคแผนปัจจุบันที่ทันสมัยมาทำการรักษาโรคและอาการเจ็บป่วย เพื่อลดการพึ่งพาการรักษาด้วยยาซึ่งถูกสังเคราะห์ขึ้นจากสารเคมี เพราะการใช้ยาติดต่อกันเป็นระยะเวลานานอาจก่อปัญหาสารเคมีตกค้างในร่างกายส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

ดังนั้น พาวเมด คลินิก จึงให้บริการที่แตกต่างจากคลินิกกัญชาโดยทั่วไป ด้วยชูจุดแข็ง 3 ด้านคือ

  • ด้านการบริการจัดการ จากเป็นการรวมกลุ่มของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคแผนปัจจุบัน
  • ด้านโภชนาการบำบัด รวมทั้งเวชศาสตร์ชะลอวัย
  • มีแพทย์ผู้ได้รับใบอนุญาตการใช้กัญชาและจำหน่ายกัญชาเพื่อการรักษาทางการแพทย์คอยให้บริการเป็นประจำทุกวัน

ผู้รับบริการจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเข้าถึงง่ายและมีการดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงได้รับการจ่ายยาในปริมาณที่เหมาะสมตามประเภทของโรคหรืออาการเจ็บป่วยของแต่ละบุคคลเท่านั้น ซึ่งบุคลากรการแพทย์ด้านดังกล่าวส่วนใหญ่จะสังกัดในโรงพยาบาลของรัฐหรือโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่เท่านั้นไม่มีบริการในคลินิกกัญชาทั่วไป

สำหรับผลิตภัณฑ์พาวเมด คลินิก มี 3 กลุ่ม คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารสกัดจากกัญชาที่ใช้บริโภคเป็นยาภายใน กลุ่มผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อความผ่อนคลายหรือใช้ภายนอก และกลุ่มผลิตภัณฑ์จากพืชสมุนไพรอื่น ๆ เช่น มะระขี้นก เป็นต้น

ซึ่งทุกผลิตภัณฑ์ผ่านการรับรองโดยองค์การเภสัชกรรม (GPO) และมาตรฐานทางการแพทย์ (medical grade) ในระดับนานาชาติให้การยอมรับ ตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ การควบคุมขั้นตอนการปลูกเพื่อควบคุมโลหะหนักหรือสารเคมีตกค้างที่เกิดจากยาฆ่าแมลง ตลอดจนมาตรฐานการสกัด และการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ต้องไม่มีสิ่งปนเปื้อนในทุกขั้นตอนเพื่อความปลอดภัย

นอกจากนั้น พาวเมด คลินิก ยังให้บริการและรักษาด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีในการวินิจฉัยโรคเพื่อความแม่นยำในการรักษา รวมทั้งมีระบบการติดตามผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดด้วยระบบ telemedicine 

นพ.ธนาเศรษฐ์ กล่าวด้วยว่า เราอยู่ในธุรกิจด้านการแพทย์มานานแล้ว เพียงแต่พาวเมดฯเป็นแบรนด์ใหม่ที่จัดตั้งขึ้นมา ซึ่งให้บริการทั้งผู้ป่วยและผู้ที่มีสุขภาพปกติ โดยมีหลากหลายแนวทางในการรักษา ที่อาจไม่จำเป็นต้องใช้กัญชาในการรักษาเช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การออกกำลังกาย หรือการปรับเรื่องของอาหาร โดยจะวางตัวเป็น buddy ด้านสุขภาพสำหรับทุกคนที่มารักษาที่พาวเมดฯ

ด้าน “.เกียรติคุณ นพ. สุรัตน์ โคมินทร์” แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึม และโภชนบำบัด กล่าวว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของพาวเมด คลินิก คือ กลุ่มคนที่มีอาการนอนไม่หลับ ซึ่งปัจจุบันมีในประเทศไทยมีสูงถึง 20 ล้านคน หรือ 1 ใน 4 ของคนในประเทศ

ถัดมาคือกลุ่มลูกค้าเจ็บป่วยเรื้อรัง เช่น ออฟฟิศซินโดรม โรคปวดเรื้อรังที่เกิดจากอาการข้างเคียงของการบำบัดด้วยสารเคมีในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็ง หรือแผลจากโรคเบาหวาน เป็นต้น กลุ่มผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน และกลุ่มโรคไม่ติดต่อ (NCDs) ซึ่งปัจจุบันไทยพบผู้ป่วยสูงกว่า 3 ล้านคน และมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอีก 7 ล้านคนที่เกิดจากพฤติกรรมและพันธุกรรม ดังนั้นรวมกันประมาณ 10 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งโรคและอาการดังกล่าวสามารถบรรเทาและรักษาได้ด้วยกัญชา

“ความท้าทายของเราคือ ผู้ป่วยที่ไม่กล้าใช้กัญชา จะทำอย่างไรให้กล้าใช้ ดังนั้น ในช่วงแรก เราทำการสื่อสารสร้างความเข้าใจว่ากัญชามีประโยชน์ด้านการแพทย์มากมาย สามารถมาพบแพทย์ มาขอรับคำปรึกษากับพาวเมดฯได้ เพื่อให้รู้ถึงสรรพคุณอย่างชัดเจน ไม่มีการบังคับใช้ เมื่อเข้าใจแล้วค่อยใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับใบอนุญาต”

จากกระแสต่อต้านจากสังคมเรื่องกัญชา จะเป็นในส่วนของการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ หรือวัตถุประสงค์อื่น ๆ มากกว่า  ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการออกกฎหมายควบคุมให้ชัดเจนเกี่ยวกับกัญชาเสรี และรวมไปถึงการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชนให้เข้าใจถึงข้อดีข้อเสียของกัญชาอย่างแท้จริง และการควบคุมการปลูกกัญชาที่ต้องได้รับการอนุญาต เพื่อนำไปผลิตภัณฑ์กัญชาระดับ medical grade เพื่อมาใช้ในการให้บริการทางการแพทย์ หรือจำหน่ายได้อย่างปลอดภัย

แต่สำหรับธุรกิจ medical clinic อย่างเช่น POW MED คือ คลีนิคกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งต้องมีการขอใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ตามกฎของกระทรวงสาธารณสุข และหมอเองต้องมี cannabis certified จึงจะสามารถสั่งจ่ายกัญชาเพื่อการรักษาได้ ฉะนั้นจากกระแสดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อ คลีนิคกัญชาทางการแพทย์

ขณะที่ “นพ.สุชาติ เลาบริพัตร” แพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ป้องกันและแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัย กล่าวว่า เนื่องจาก พาวเมด เป็นคลีนิกทางการแพทย์แบบองค์รวม ดังนั้นจึงมุ่งเน้นไปที่การชะลอวัยให้เกิดขึ้นทุกส่วนของร่างกาย ด้วยการดูแลร่างกายจนถึงในระดับเซลล์ให้มีสุขภาพสมบูรณ์สูงสุด ทั้งในด้านสารอาหาร กรดอะมิโน วิตามิน เกลือแร่ ฮอร์โมน สารสื่อประสาท สารแอนตี้ออกซิเดนท์

“เมื่อเซลล์หรืออวัยวะในร่างกายมีระดับสารเหล่านี้อยู่ในระดับที่สมบูรณ์สูงสุด ร่างกายก็จะทำงานได้อย่างเต็มที่ และการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอก็จะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ การป้องกันตัวเองจากความเสื่อม การถูกทำลายจากมลภาวะต่าง ๆ จะทำได้อย่างเต็มที่ โอกาสที่เซลล์จะเสื่อมสภาพบาดเจ็บหรือสึกหรอก็จะลดน้อยลง

ส่วนเทคนิคการดูแลสุขภาพแบบเวชศาสตร์ชะลอวัย ประกอบด้วย 3 หลัก คือ อาหาร อากาศ อารมณ์ ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้จะต้องดูแลให้ดี นอกจากนี้ยังเพิ่มเรื่องการออกกำลังกาย การเอนนอน ฮอร์โมนและการดื่มน้ำ เข้าไปให้มีสัดส่วนสมดุลกันด้วย ไม่อย่างนั้น ความชรา อาจจะถามหาได้ ซึ่งความชราที่ว่านี้เป็นผลสะสมของความเสื่อมสภาพที่มีต่อเซลล์ในร่างกาย ซึ่งนำไปสู่ความเจ็บป่วยได้”

ทั้งนี้ในปัจจุบัน พาวเมด คลินิก เปิดให้บริการสาขาแรก ณ ซอยโยธินพัฒนา 11 ถนนเลียบด่วนเอกมัยรามอินทรา ตั้งเป้ามีรายได้ในปีแรกที่ 5 ล้านบาท นอกจากนั้น พาวเมด คลินิกจะเริ่มมองหาพาร์เนอร์ที่ต้องการลงทุนตามจังหวัดหัวเมืองใหญ่ เพื่อการขยายสาขาต่อไป โดยจะขยายเพิ่มอีก 10 สาขาภายในระยะเวลา 3 ปี เน้นทำเลในหัวเมืองใหญ่ เช่น จ.เชียงใหม่ พัทยา จ.ชลบุรี สมุย จ.สุราษฎร์ธานี จ.ระยอง และ จ.ขอนแก่น เป็นต้น สัดส่วนการลงทุนต่อสาขาสำหรับคลินิกขนาดเล็กถึงกลางที่คล้ายกับพาวเมด คลินิกอยู่ที่ประมาณ 6-10 ล้านบาทต่อสาขา