ผ่อนผันแรงงานต่างด้าว MOU ครบ 4 ปีอยู่ต่อได้ และขยายเวลาทำเอกสาร

นายสุชาติ ชมกลิ่น
ภาพจากเฟซบุ๊ก สุชาติ ชมกลิ่น

ขยายเวลาแรงงานต่างด้าวตาม MOU ที่ครบ 4 ปีแล้ว อยู่ทำงานต่อได้ถึง 31 ก.ค. 2566 และขยายเวลาให้แรงงานต่างด้าวที่ทำหนังสือเดินทางไม่ทันทำให้แล้วเสร็จภายใน 31 ก.ค. 2566

วันที่ 30 พฤษภาคม 2566 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเรื่องการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) เพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคง และเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.ผ่อนผันให้คนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) ที่เข้ามาทำงานตาม MOU ที่วาระการจ้างงานครบกำหนด 4 ปี (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2565-31 กรกฎาคม 2566) สามารถอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานเป็นการชั่วคราวถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่ยังอยู่ในช่วงรัฐบาลรักษาการ

ในระหว่างการผ่อนผันให้นายจ้างที่ประสงค์จะจ้างคนต่างด้าวดำเนินการขออนุญาตนำแรงงานต่างด้าวที่ได้รับการผ่อนผันเข้ามาทำงานตาม MOU ควบคู่ไปด้วย และให้แรงงานต่างด้าวที่หนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางหมดอายุ หรือการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด สามารถเดินทางกลับประเทศได้

2.ผ่อนผันให้คนต่างด้าว 4 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ซึ่งไม่สามารถจัดทำหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง และประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ทัน ภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2666 อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานเป็นการชั่วคราวถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 เพื่อจัดทำหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง โดยอนุญาตให้อยู่และทำงานได้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 หรือ 13 กุมภาพันธ์ 2568 แล้วแต่กรณี

“แรงงานต่างด้าวเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนกิจการของผู้ประกอบการจำนวนมาก ปัญหาขาดแคลนแรงงานจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะกระทบต่อผู้ประกอบการที่จ้างแรงงานต่างด้าว และเศรษฐกิจของประเทศอย่างแน่นอน คณะรัฐมนตรีจึงถือเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ต้องพิจารณา เพื่อให้ผู้ประกอบการมีแรงงานต่างด้าวเพียงพอในการขับเคลื่อนกิจการ รักษาความมั่นคงและแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ” นายสุชาติกล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย รวมทั้งองค์กรภาคเอกชน มีหนังสือถึงกระทรวงแรงงาน ร้องขอให้มีมาตรการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวตาม MOU ที่ครบวาระการจ้างงานให้สามารถทำงานได้ต่อไป หรือสามารถกลับเข้ามาทำงานตาม MOU ได้โดยสะดวก ซึ่งกรมการจัดหางานพิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ต้องช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของนายจ้างก่อน เพื่อให้ธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้


ด้านนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขอแสดงความชื่นชมท่านนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ช่วยแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที มิฉะนั้นภาคการผลิต และธุรกิจบริการซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่ใช้แรงงานต่างด้าวในการขับเคลื่อนจะต้องรับผลกระทบอย่างรุนแรง การช่วยเหลือในครั้งนี้นอกจากทำให้ดำเนินธุรกิจไปได้อย่างต่อเนื่องแล้ว ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ถือเป็นการแก้ปัญหาได้ตรงเป้าหมาย