U-House 2.0 ออฟฟิศ ยูนิลีเวอร์ ประเทยไทย โฉมใหม่ สอดรับกับความต้องการของพนักงาน ทำงานในรูปแบบไฮบริด อยู่ในออฟฟิศเพียง 2 วัน ใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“ภูธัต เนตรสุวรรณ” ผู้อำนวยการฝ่ายประสบการณ์การทำงานของพนักงาน ประเทศไทยและภาคพื้นอาเซียน กล่าวว่า อนาคตแห่งการทำงานในรูปแบบใหม่
- จีนแบน 3 บริษัทสหรัฐ ห้ามทำการค้า ห้ามผู้บริหารเข้าประเทศ
- วิธีลงทะเบียนแอป ทางรัฐ ยืนยันตัวตน รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- ครม.ไฟเขียว เวนคืนที่ดิน สายไหม-คลองสามวา สร้างทางพิเศษส่วนต่อขยาย
ทั้งนี้ ยูนิลีเวอร์มีพนักงาน 127,000 คนทั่วโลก มีแบรนด์มากกว่า 400 แบรนด์ ใน 190 ประเทศ ส่วนในประเทศไทยมีพนักงาน 3,300 คน แบ่งเป็น พนักงานสำนักงานใหญ่ (Unilever House) 892 คน โรงงานมีนบุรี 2,600 คน และโรงงาน Gateway ฉะเชิงเทรา 500 คน
วัตถุประสงค์ U-House 2.0
“ภูธัต” เล่าว่า บริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ยูนิลีเวอร์ตั้งใจปรับองค์ประกอบของออฟฟิศให้สอดรับการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ยืดหยุ่น และตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย เพราะเชื่อว่าสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี จะส่งเสริมศักยภาพด้านการทำงาน เพื่อยกระดับประสบการณ์ทำงานให้ดียิ่งกว่าที่เคย
โดยเป้าหมายแบ่งได้เป็น 3 เรื่องสำคัญ
1. Workplace Reimagine : สร้างนิยามใหม่ของสถานที่ทำงาน โดยออกแบบพื้นที่ทำงานให้เหมาะสมกับหลายรูปแบบและรองรับการทำงานร่วมกัน เชื่อมต่อถึงกันและเพิ่มประสิทธิภาพด้านความคิดสร้างสรรค์
2. Digital Workplace : ยกระดับสถานที่ทำงานแบบดิจิทัลยิ่งกว่าที่เคย ด้วยการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้งานเพื่อตอบโจทย์และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในทุกความต้องการ
3. Experience Enhancement : การปรับปรุงประสบการณ์การทำงานให้ราบรื่น ครอบคลุม และเท่าเทียมกันไม่ว่าจะที่บ้าน ออฟฟิศ หรือที่ไหนก็ตาม เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การมีส่วนร่วม และเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดี สร้างสภาพแวดล้อมให้สมาชิกในทีมทุกคนสามารถเติบโตไปด้วยกัน
ทำงานในออฟฟิศ 40%
“ภูธัต” กล่าวต่อว่า ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทยใช้นโยบายไฮบริดมาตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด-19 ระบาด แต่ตอนนี้เราปรับให้ยืดหยุ่นกว่าเดิม คือ พนักงานสามารถเลือกทำงานที่บ้าน 2 วัน ออฟฟิศ 2 วัน และอีก 1 วันทำที่ไหนก็ได้ ซึ่งที่ผ่านไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และอัตราการลาออกก็ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดแรงงาน
“้เรายังคงเห็นความสำคัญของการเชื่
ยูนิลีเวอร์หลายประเทศทั่วโลกได้ปรับการทำงานเป็นแบบไฮบริดเกือบ 50% แล้ว และกำลังทยอยปรับเปลี่ยนอีก โดยคาดว่าสิ้นปี 2566 จะเพิ่มเป็น 70% ทั้งนี้ ยูนิลีเวอร์ ประเทศออสเตรเลียได้ทดลองทำงานสัปดาห์ละ 4 วัน แต่ค่าตอบแทนจากการทำงานยังเท่าเดิม มาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน พฤศจิกายน 2565
“หากถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทยจะทำงานแค่ 4 วัน เรื่องนี้เราก็กำลังศึกษาถึงความเป็นไปได้ ว่าเหมาะกับบริบทในประเทศไทยหรือไม่ ทั้งเรื่องกฎหมาย และเรื่องแนวทางปฏบัติ เพราะในประเทศไทย คู่ค้าส่วนใหญ่ยังต้องการใช้ระบบเอกสารที่เป็นกระดาษอยู่ ซึ่งมันมีขั้นตอน และใช้เวลา ต่างจากประเทศออสเตรเลีย ที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์เกือบ 100%” “ภูธัต” อธิบาย
สัดส่วนในสำนักงาน
พื้นที่สำนักงานของ U-House 2.0 แบ่งออกเป็น 5 ประเภท สัดส่วนพื้นที่ทำงาน 50% ห้องประชุม 40% และพื้นที่พักผ่อน 10% สามารถตอบโจทย์การใช้งานที่ครอบคลุมตั้งแต่เป็นพื้นที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับการทำงาน ช่วยในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ มีจุดทัชดาวน์ไว้ทำงานที่ต้องใช้การโฟกัสเป็นพิเศษ และพื้นที่ผ่อนคลายพักผ่อนหย่อนใจ
1. Focus Zone : พื้นที่โฟกัสที่รองรับการทำงานที่ต้องใช้สมาธิเป็นพิเศษไม่ว่าจะเป็นงานเดี่ยว หรือการประชุมที่ต้องการความเป็นส่วนตัว โดยเราได้ดูแลจัดการพื้นที่ทำงานที่ส่งเสริมสมาธิของแต่ละบุคคล ตลอดจนการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
2. Collaboration Zone : พื้นที่ทำงานร่วมกัน ตั้งแต่งานที่ต้องทำในแต่ละวันของของแต่ละบุคคล ตลอดจนการทำงานระดับทีม รวมถึงมีอุปกรณ์พื้นฐานที่มีความจำเป็นรองรับการทำงานที่หลากหลาย เราได้ปรับโฉมพื้นที่ให้โซนการทำงานร่วมกันมีชีวิตชีวาและสร้างความกระตือรือร้นระหว่างกัน เพื่อสนับสนุนการสร้างความรู้สึกร่วม และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีในพนักงานที่หลากหลาย
3. Connect Zone : พื้นที่เชื่อมต่อ โดยจัดสรรห้องประชุมให้มีเทคโนโลยีที่สนับสนุนการประชุมได้อย่างสมบูรณ์แบบ มาพร้อมระบบดูดซับเสียงและระบบไฟส่องสว่างที่ได้รับการปรับปรุงมาแล้ว รองรับการประชุมทีมทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ระดับ Town Hall นอกจากนี้ เรายังปรับโฉมพื้นที่ให้มีโซนการทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น
4. Vitality Zone : พื้นที่ที่เติมพลังแห่งใหม่ให้กับพนักงาน มอบโอกาสในการผ่อนคลาย เชื่อมต่อ และเติมพลังระหว่างวันทำงาน เช่น U Rest และ U Café มีโซน Wellness เพื่อดูแลสุขภาพองค์รวม ประกอบไปด้วยพื้นที่สำหรับคุณแม่ จุดงีบหลับ และพื้นที่สำหรับนักบำบัด ถือเป็นระบบสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานอย่างครบวงจร
5. Specialist Zone : พื้นที่สำหรับผู้ที่ต้องการคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ทั้งในแง่ของการสนับสนุนการทำงานอย่าง Business Support Centre และห้องพยาบาลเสมือนคลีนิกในองค์กรที่มีพยาบาลประจำทุกวัน คุณหมอประจำการอยู่วันเว้นวัน ที่สามารถจ่ายยาสามัญเบื้องต้นและปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมพื้นที่นักบำบัด (RSVP)
สำหรับผู้ที่ต้องการคำปรึกษา รวมถึงมีห้องของคุณแม่ให้คุณแม่จัดการภารกิจส่วนตัวและมีตู้เย็นเก็บของเฉพาะคุณแม่ และมีเตียงพยาบาลที่สามารถนอนพักเมื่อไม่สบายได้ โดยใครมาก่อนก็จะสามารถใช้บริการได้ก่อน ทั้งหมดนี้เพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรมีการสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีอย่างครอบคลุมทั้งร่างกายและจิตใจ
แนวทางการปรับพื้นที่
4 หลักการพื้นฐานสำคัญในการปรับปรุงออฟฟิศยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย มีดังนี้
1. Inclusive by design : การเป็นหนึ่งเดียวผ่านการออกแบบ โดย U-House จะสนับสนุนความแตกต่างของพนักงาน ด้วยการมอบประสบการณ์ที่เข้าถึงได้ง่ายและเท่าเทียมกัน
2. Landscape of variety : พื้นที่ที่หลากหลาย ช่วยให้ทีมงานและบุคลากรทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข
3. Igniting our spark : จุดประกายของพนักงานด้วยทรัพยากรที่เหมาะสม รองรับความต้องการและความท้าทายในอนาคต เพื่อการปลดปล่อยศักยภาพส่วนบุคคลของพนักงาน
4. A beacon for sustainability : สัญลักษณ์แห่งความยั่งยืน โดย U-House สานต่อวิสัยทัศน์ของยูนิลีเวอร์ในการเป็นองค์กรที่มุ่งมั่นในการสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนให้กับทุกคน
เชื่อมโยงแบบ 3 มิติ ร่างกาย-จิตใจ-เทคโนโลยี
3 คอนเซ็ปต์หลักที่ ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย นำมาใช้ปรับปรุงพื้นที่ในออฟฟิศ มีดังนี้
– ด้านกายภาพ (physical) : พื้นที่อเนกประสงค์ สนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดี ประกอบไปด้วย
1. First Aid Room ห้องคลินิกในองค์กร เป็นห้องพยาบาล ที่มีพยาบาลประจำทุกวัน คุณหมอประจำการอยู่วันเว้นวัน ที่สามารถจ่ายยาสามัญเบื้องต้นและปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ พร้อมพื้นที่นักบำบัด (RSVP) สำหรับผู้ที่ต้องการคำปรึกษา และยังมีห้องของคุณแม่ให้คุณแม่จัดการภารกิจส่วนตัวและมีตู้เย็นเก็บของเฉพาะคุณแม่ และมีเตียงพยาบาลที่สามารถนอนพักเมื่อไม่สบายได้ โดยใครมาก่อนก็จะสามารถใช้บริการได้ก่อน
2 พื้นที่เพื่อสุขภาพ เช่น ห้องงีบ และโซนสำหรับการพักผ่อน มีเก้าอี้ปรับเอนนอน 2 ตัว โดยใครมาก่อนก็จะได้รับการบริการก่อน เป็นที่พักผ่อนชั่วคราวของพนักงาน
3 U Rest ห้องพักผ่อนที่มีมินิเธียเตอร์ และเกมส์ อาทิ PlayStation®5, Nintendo Switch และบอร์ดเกมให้พนักงานได้เล่นผ่อนคลายจากการทำงานระหว่างวัน
4 U Café พื้นที่แห่งการเชื่อมต่อ พบปะสานสัมพันธ์ระหว่างพนักงานด้วยกัน ให้บรรยากาศผ่อนคลายสบาย ๆ โดยมีบริการเครื่องดื่มและของว่างให้พนักงานด้วย
– ด้านดิจิทัล (digital) : การจัดสรรโครงสร้างพื้นฐานด้วยเทคโนโลยีเพื่อรองรับการทำงานแบบไฮบริด ด้วยการนำเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนธุรกิจเชิงกลยุทธ์เพื่อให้พนักงานสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล และทำงานร่วมกันได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ประกอบไปด้วย
1. Perfect Meeting Room ห้องประชุมขนาดใหญ่ พร้อมระบบการจองห้องประชุมที่ไร้รอยต่อและแผนผังที่เชื่อมถึงกัน
2 Microsoft Surface Hub ไวท์บอร์ดดิจิทัลออลอินวันที่ช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการทำงานร่วมกันอย่างมีคุณภาพยิ่งขึ้นบนหน้าจอแบบโต้ตอบสำหรับการทำงานแบบไฮบริด ออกแบบมาสำหรับการประชุม สร้างสรรค์งานด้วยกันและทำงานร่วมกันใน Microsoft Teams และสามารถเสนอความคิดเห็นและทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์บนไวท์บอร์ดแบบโต้ตอบจากระยะไกล ไม่ว่าจะทำงานจากที่ใดก็ตาม
3 ระบบดูดซับเสียงและระบบไฟส่องสว่างที่ได้รับการปรับปรุงมาแล้ว พร้อมระบบกระจายเสียงคุณภาพ โดยมีไมโครโฟนติดเพดาน ติดตั้งลำโพงในตัว รับเสียงรอบทิศทาง 360 องศา และเทคโนโลยีป้องกันเสียงรบกวนและเสียงสะท้อนให้คุณภาพเสียงชัดเจนระดับ HD รองรับการประชุมทีมทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่
– ด้านความรู้สึก (emotional) : สนับสนุนการมีส่วนร่วม และกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ร่วมกัน โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก และคอยให้ความช่วยเหลือในที่ทำงานอยู่เสมอ
นับว่า U-House 2.0 ออฟฟิศ ยูนิลีเวอร์ ประเทยไทย โฉมใหม่ สร้างนิยามใหม่ให้สถานที่ทำงาน ผนวกรวมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล พร้อมพื้นที่หลายรูปแบบเพื่อเสริมศักยภาพด้านการทำงานและยกระดับประสบการณ์ทำงานให้ดียิ่งกว่า
พร้อมสนับสนุนทุกช่วงเวลาที่สำคัญไปด้วยกันด้วยผ่านการเชื่อมต่อ สร้างสรรค์ ทำงานร่วมกัน และความรื่นรมย์ในสถานที่ทำงานตลอดจนการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไดนามิกที่พร้อมรับทุกความท้าทายและให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคน มุ่งขับเคลื่อนความสำเร็จให้ทั้งบุคลากรและองค์กรอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน