ข่าวดี! “ประกันสังคม” ขยายหลักเกณฑ์อายุผู้ประกันตนมาตรา 40 เพิ่มเป็น 65 ปีแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (26 มิ.ย.) สำนักงานประกันสังคม ได้ประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์ว่า ได้เปิดให้แรงงานอิสระหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งเป็นผู้สูงวัยอายุระหว่าง 60-65 ปี สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ได้แล้ว หลังจากกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ถูกปรับปรุงและเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ระบุว่า สำหรับความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ประกันสังคม ผู้สูงวัยจะสามารถเลือกได้ครบทั้ง 3 ทางเลือก ได้แก่ ทางเลือกที่ 1 จ่าย 70 บาท ทางเลือกที่ 2 จ่าย 100 บาท ทางเลือกที่ 3 จ่าย 300 บาท ต่อเดือน
ทั้งนี้ การแก้ไขหลักเกณฑ์ดังกล่าว เป็นผลจากการปรับปรุง พ.ร.บ.ประกันสังคมฯ ตามมติ ครม. เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งจากเดิมกำหนดให้ผู้ประกันตันต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปี เปลี่ยนเป็น 65 ปี โดยผู้สมัครเข้าประกันตนตามมาตรา 40 นี้ จะต้องไม่เป็นลูกจ้างในบริษัทเอกชนตามประกันสังคมมาตรา 33 และไม่เคยสมัครเป็นผู้ประกันตนในมาตรา 39
- ดีเดย์ปีนี้! เปิดจอง “ซีเนียร์ คอมเพล็กซ์” ยูนิตละ 1.9 ล้าน
- คอนโดข้าราชการ: “กรมธนารักษ์” เตรียมเปิดจอง ก.ค. นี้
นายทศพล กล่าวย้ำถึงผู้สูงวัยที่มีอายุใกล้ครบ 65 ปีบริบูรณ์ว่า ควรรีบสมัครขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เพียงใช้บัตรประชาชนใบเดียว และจ่ายเงินสมทบทันที โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด หากอายุเกิน 65 ปีบริบูรณ์แล้ว จะไม่สามารถสมัครได้
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวต่อไปว่า ผู้สูงวัยที่ต้องการสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 สามารถสมัครได้ที่สำนักงานประกันสังคม ทั่วประเทศ หรือ สมัครด้วยตนเองผ่านมือถือที่เว็บไซต์ www.sso.go.th โทรศัพท์สายด่วน 1506
สิทธิประโยชน์ ผู้ประกันตนมาตรา 40
ทางเลือกที่ 1 จ่ายเงินสมทบ 70 บาท/เดือน
สิทธิประโยชน์พื้นฐานคุ้มครอง 3 กรณี คือ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย
ทางเลือกที่ 2 จ่ายเงินสมทบ 100 บาท/เดือน
สิทธิประโยชน์พื้นฐานคุ้มครอง 4 กรณี คือ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย และกรณีชราภาพ
ทางเลือกที่ 3 จ่ายเงินสมทบ 300 บาท/เดือน
สิทธิประโยชน์พื้นฐานคุ้มครอง 5 กรณี คือ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย กรณีชราภาพ และกรณีสงเคราะห์บุตร