กรมอนามัย แนะหญิงตั้งครรภ์ฉีดวัคซีนโควิด หลังอายุครรภ์ 12 สัปดาห์

กรมอนามัย ชี้หญิงตั้งครรภ์ติดโควิด-19 เสี่ยงอาการรุนแรง ล่าสุดพบข้อมูลมี 77 ราย อาการปอดอักเสบ 21 ราย เสียชีวิตไปแล้ว 1 ราย แนะฉีดวัคซีนป้องกันหลังมีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์

วันที่ 30 เมษาย 2564 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการประชุมคณะทำงานการดูแลสุขภาพหญิงตั้งครรภ์ และหลังคลอดที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ผ่านมา ได้นำเสนอข้อมูลการสำรวจของกรมอนามัยล่าสุด 28 เมษายน 2564 พบหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 77 ราย ไม่มีอาการ 43 ราย มีอาการปอดอักเสบ แต่ไม่ได้ใส่ท่อช่วยหายใจ 21 ราย เสียชีวิต 1 ราย ส่วนใหญ่ร้อยละ 81.5 ติดเชื้อในไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์

“โดยข้อมูลการใช้วัคซีนในหญิงตั้งครรภ์ ยังมีไม่มาก แต่หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด-19 มีความเสี่ยงที่โรคจะรุนแรงกว่าคนทั่วไป ดังนั้น การนัดหมายตรวจครรภ์ กรณีตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสแรก และไตรมาสที่ 2 โดยไม่มีการนัดตรวจพิเศษอื่น ๆ สามารถโทรติดต่อขอเลื่อนนัดตรวจครรภ์ออกไปตามความเหมาะสม”

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย

อธิบดีกรมอนามัย ระบุว่า ในรายที่อายุครรภ์ 32 สัปดาห์เป็นต้นไป และในรายที่เป็นกลุ่มครรภ์เสี่ยงสูง หรือมีโรคร่วม ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไทรอยด์ หัวใจ หอบหืด ปอดเรื้อรัง ไต และภูมิต้านทานผิดปกติ ควรไปฝากครรภ์ตามแพทย์นัดทุกครั้ง โดยมีการนัดเวลาล่วงหน้า เพื่อลดระยะเวลาอยู่โรงพยาบาลให้สั้นที่สุด หลีกเลี่ยงการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ แนะนำให้มีผู้ติดตามไม่เกิน 1 คน และสวมหน้ากากตลอดเวลาที่ออกนอกบ้าน พกเจลแอลกอฮอล์ติดตัวเพื่อล้างมือให้สะอาดเมื่อจำเป็น

ระหว่างนั่งรอตรวจหรือรับยา ให้เว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร เมื่อกลับถึงบ้านให้ถอดหน้ากากทิ้งอย่างถูกวิธี ล้างมือ และเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที สังเกตอาการผิดปกติของการตั้งครรภ์ เช่น บวม ลูกดิ้นน้อยลง มีเลือดออกทางช่องคลอด เจ็บครรภ์ น้ำเดิน หากมีอาการดังกล่าว ให้โทรประสานกับหน่วยบริการที่ฝากครรภ์เพื่อส่งต่อโรงพยาบาลต่อไป

ด้านนายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมสุขภาพ และโฆษกกรมอนามัย กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมอนามัย โดยสำนักส่งเสริมสุขภาพ ได้ประชุมหารือร่วมกับ รศ.นายแพทย์ชเนนทร์ วนาภิรักษ์ ประธานอนุกรรมการอนามัยแม่และเด็ก ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย พร้อมด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านโรคติดเชื้อ และอนุกรรมการมารดาและทารกปริกำเนิด ภายใต้คณะกรรมการอนามัยแม่และเด็กแห่งชาติ

ได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า หญิงตั้งครรภ์ทุกคนควรได้รับวัคซีน และควรได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์และอาการข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน รวมทั้งความเสี่ยงที่จะติดโรคโควิด-19 และความรุนแรงของโรค ก่อนตัดสินใจ ซึ่งหญิงตั้งครรภ์ที่ควรได้รับวัคซีนก่อนนั้น มีหลักการพิจารณาเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป

ได้แก่ กลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดโรค เช่น บุคลากรทางการแพทย์ หรือบุคคลที่ทำงานในลักษณะที่ต้องสัมผัสกับคนหมู่มาก บุคคลที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคสูง รวมถึงกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรครุนแรงเมื่อติดเชื้อ เช่น หญิงตั้งครรภ์ที่มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคปอดเรื้อรัง หอบหืด น้ำหนักตัวมากเกินเกณฑ์

“สำหรับช่วงเวลาที่แนะนำให้ฉีดวัคซีนคือช่วงหลังอายุครรภ์ 12 สัปดาห์เป็นต้นไป และแนะนำให้ฉีดวัคซีนซิโนแวกก่อน เนื่องจากผลิตจากเชื้อที่ตายแล้ว ในขณะที่แอสตร้าเซนเนก้า เป็น viral vector vaccine มีโอกาสเกิดอาการไข้หลังฉีดได้มาก และมีรายงานการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหญิงที่อายุน้อยกว่า 30 ปี แต่พบน้อยมาก”

สำหรับหญิงที่วางแผนจะตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตร ก็สามารถรับการฉีดวัคซีนได้เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป