เปิดแผนความยั่งยืน DHL สร้างคน-ชู ESG ลดโลกร้อน

DHL ดีเอชแอล

DHL บริษัทชั้นนำด้านโลจิสติกส์ระดับโลกที่มีภารกิจเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน และยกระดับชีวิตของคนให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการที่จะบรรลุวัตถุประสงค์นี้ได้ บริษัทตระหนักดีว่าจะต้องสร้างความยั่งยืนในทุกมิติของธุรกิจที่ครอบคลุมเรื่องคนในองค์กร สภาพภูมิอากาศ และการเติบโตของชุมชนและสังคม

“ออสการ์ เดอ บอก” ซีอีโอ ดีเอชแอล ซัพพลายเชน (DHL Supply Chain) และคณะกรรมการบริหารด๊อยช์ โพสต์ ดีเอชแอล กรุ๊ป (DPDHL Group) บอกว่า DHL Supply Chain คือผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบรับเหมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ DPDHL Group โซลูชั่นด้านโลจิสติกส์แบบบูรณาการที่ออกแบบตามความต้องการของลูกค้า

ซึ่งรวมบริการการเพิ่มมูลค่าและบริการด้านการบริหารจัดการเข้ากับการจัดเก็บ บรรจุ จัดส่งสินค้า และกระจายสินค้า ทั้งยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ พัฒนาคุณภาพ และสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันได้

ออสการ์ เดอ บอก
ออสการ์ เดอ บอก ซีอีโอ ดีเอชแอล ซัพพลายเชน (DHL Supply Chain) และคณะกรรมการบริหารด๊อยช์ โพสต์ ดีเอชแอล กรุ๊ป (DPDHL Group)

ทั้งนั้น เพราะบริษัทมีความเชื่อว่าไม่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกได้ยั่งยืนถ้าไม่มีกลยุทธ์ที่ชัดเจน จึงเป็นเหตุผลที่แผนงานเพื่อความยั่งยืนของ DHL จึงมุ่งเน้นหลัก 3 ประการ คือ

หนึ่ง Great Company to Work for All เป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยม ที่เหมาะสำหรับทุกคน

Advertisment

สอง Clean Operations for Climate Protection การดำเนินการที่สะอาดเพื่อการปกป้องสภาพภูมิอากาศ

สาม High Trusted Company เป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือสูงสุด

สร้างคนเพื่อธุรกิจยั่งยืน

“DHL Supply Chain มีสถานที่ปฏิบัติการอยู่ใน 55 ประเทศทั่วโลก และเขตพื้นที่มีคลังสินค้าและสำนักงาน 1,400 แห่ง และมีพนักงานด้านซัพพลายเชนกว่า 150,000 คน เราเป็นหนึ่งในนายจ้างที่ใหญ่ที่สุดในโลกอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ดังนั้น คนจึงเป็นหนึ่งในเป้าหมายเรื่องความยั่งยืนของเรา เพราะพวกเขาคือส่วนสำคัญที่จะขับเคลื่อนธุรกิจ และส่งต่อสิ่งดี ๆ ไปยังลูกค้าและคนในสังคม”

บริษัทจึงมุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย และมีแนวคิดการบริหารที่สนับสนุนความหลากหลายและยอมรับความแตกต่าง (diversity and inclusion : D&I) ของพนักงานในองค์กร ทั้งในด้านเชื้อชาติ วัฒนธรรม พื้นฐานทางเศรษฐกิจและสังคม ความบกพร่องทางร่างกาย เพศสภาพ และประสบการณ์ ฯลฯ เพราะเราเชื่อว่าทุกคนที่มีความแตกต่างสามารถเป็นคนเก่ง (talent people) ได้ทั้งหมด

Advertisment

“นอกจากนั้น เรายังดึงดูดและรักษาผู้มีความสามารถให้ดีที่สุด พยายามทำให้จำนวนพนักงานเพศหญิงและเพศชายมีเท่า ๆ กันในองค์กร”

“ตอนนี้มีลูกจ้างเป็นผู้ชาย 53% และผู้หญิง 47% ส่งเสริมให้ผู้หญิงเป็นผู้นำในองค์กรจำนวนมาก รวมทั้งตั้งเป้าลดอัตราการบาดเจ็บจากการทำงานถึงขั้นหยุดงาน 1 วันขึ้นไป (Lost Time Injury Frequency Rate : LTIFR) ให้ต่ำกว่า 3.1 ภายในปี 2025 ด้วยมาตรฐานเครื่องมือและแนวทางการทำงานที่สูง สิ่งสำคัญอีกประการในเรื่องคน คือ การสร้างผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองพร้อมให้บริการ เราจึงเน้นการอบรมคนของเราให้มีทักษะใหม่ ๆ อยู่เสมอ”

ลดก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์

“ออสการ์ เดอ บอก” กล่าวต่อว่า บริษัทมุ่งมั่นที่จะปกป้องสภาพภูมิอากาศ โดยตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำงานระดับโลกในหลายเฟส เฟสแรกคือ ภายในปี 2030 ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้สอดคล้องกับข้อตกลงปารีสผ่านโครงการกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามฐานวิทยาศาสตร์ (SBTi) และลงทุนเงินเพิ่มเติมถึง 7 พันล้านยูโร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น

“การลงทุนครั้งนี้ครอบคลุมถึงการเพิ่มการใช้น้ำมันเครื่องบินที่ยั่งยืน การออกแบบอาคารใหม่ที่เป็นกลางทางคาร์บอน ด้วยการนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์สีเขียวที่ครอบคลุม และจัดส่งพัสดุด้วยรถยนต์ไฟฟ้า 60% ที่สำคัญภายในปี 2030 จะใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 80,000 คันบนท้องถนน และอีกเฟสคือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจนเป็นศูนย์ภายในปี 2050”

“สำหรับประเทศไทย DHL Supply Chain เดินตามแผนเพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์มูลค่าประมาณ 36 ล้านบาท บนหลังคาคลังสินค้า 4 แห่งที่บางนาโลจิสติกส์แคมปัส ใน จ.สมุทรปราการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน”

“โดยขนาดพื้นที่ของแผงโซลาร์เซลล์รวมกันอยู่ที่ประมาณ 11,000 ตร.ม. หรือเทียบเท่าขนาดของสนามฟุตบอลเกือบ 3 สนามรวมกัน ซึ่งสามารถสร้างพลังงานทดแทนได้ถึงร้อยละ 38 ของพลังงานทั้งหมดที่บริษัทใช้ในปัจจุบัน และการใช้พลังงานแสงอาทิตย์แทนพลังงานไฟฟ้าช่วยลดปริมาณการใช้พลังงานลงร้อยละ 20 ต่อปี”

โซลูชั่นยั่งยืนลดโลกร้อน

“ออสการ์ เดอ บอก” อธิบายว่า DHL Supply Chain ในประเทศไทยใช้ไฟ LED เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว ซึ่งจะเปิดใช้งานในช่วงเวลาและพื้นที่การทำงานที่กำหนดไว้เท่านั้น ขณะที่เสาไฟฟ้าโซลาร์เซลล์จะติดตั้งรอบ ๆ แคมปัสเพื่อให้แสงสว่างภายนอก รวมถึงจัดการขยะเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของลูกค้าสู่การสร้างขยะที่เป็นศูนย์ด้วยการใช้หลักการลดการผลิตของเสีย รีไซเคิล และการนำกลับมาใช้ใหม่

นอกจากนั้น งานด้านการขนส่งอย่างยั่งยืนต่อเนื่องยังคงเป็นเรื่องหลักที่บริษัทให้ความสำคัญ จึงนำโซลูชั่นที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง ปีนี้สามารถลดลงได้ร้อยละ 6 เมื่อเทียบปีต่อปีกับปี 2020 โดยโซลูชั่นเหล่านี้ ได้แก่

หนึ่ง รถ trailer นวัตกรรมการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมผ่านเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์จากสหราชอาณาจักร ปัจจุบัน DHL Supply Chain เป็นบริษัทโลจิสติกส์แห่งแรกในประเทศไทยที่มียานพาหนะ 36 คันที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยนี้

สอง telematics ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด และแก้ปัญหาการวางเส้นทางการเดินรถโดยการประหยัดน้ำมัน เทคโนโลยีนี้ติดตั้งทั้งในรถของดีเอชแอลเอง และรถของผู้รับเหมาอีกด้วย

สาม เชื้อเพลิงชีวภาพ (biofuel) รถขนส่งทุกคันของดีเอชแอล ซัพพลายเชน ประเทศไทย ใช้เชื้อเพลิงออกซิเจน เช่น ไบโอดีเซลเพื่อลดมลพิษ

“โซลูชั่นเหล่านี้ได้รับการรับรองจากหน่วยงานอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค Green Freight Asia (GFA) ให้เราอยู่ในระดับสูงสุด หรือ The Label Leaf 4 ซึ่ง
DHL Supply Chain กลายเป็นบริษัทแรกในเอเชีย-แปซิฟิกที่ได้รับการรับรอง”

กลยุทธ์ ESG ผลักดันองค์กร

“ออสการ์ เดอ บอก” อธิบายว่า เพื่อเป็นบริษัทที่ได้รับความไว้วางใจอย่างสูงบริษัทจึงปรับปรุงการจัดการด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบและบรรษัทภิบาล ESG (Environmental, Social, Governance) ให้แข็งแกร่ง ในขณะที่สร้างฐานซัพพลายเออร์ที่ยั่งยืน และยืดหยุ่นอย่างต่อเนื่อง

“นโยบายข้อผูกพัน ESG มีการกำหนดไว้อย่างชัดเจนในรายงาน และการวางแผนทั้งภายในและภายนอกที่จะเริ่มต้นปี 2022 เพื่อเสริมหลักเกณฑ์ด้าน ESG ที่เข้มงวด โดยเราวางแผนที่จะมุ่งเน้นด้านการกำกับดูแลการปฏิบัติตามกฎระเบียบให้มากขึ้นผ่านกระบวนการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะที่มีโครงสร้างและตรวจสอบซัพพลายเออร์ ซึ่งเราขอให้ซัพพลายเออร์มีส่วนร่วมในความยั่งยืนร่วมกันกับเรา”

“การเป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือต้องคำนึงถึงสังคมรอบ ๆ องค์กรด้วย เราต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาทักษะของเยาวชนไทย เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาและการจ้างงาน โดยโฟกัสความสนใจของสังคมไปที่การพัฒนาโอกาสในอนาคตของเยาวชน เราเชื่อว่าความสำเร็จในระยะยาว ความยั่งยืน และพลังแห่งนวัตกรรมของเศรษฐกิจและสังคมขึ้นอยู่กับระบบการศึกษาที่แข็งแกร่ง”

ดังนั้น จึงต้องพัฒนาคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำงานรุ่นต่อไปให้ตรงจุด ผลเช่นนี้ จึงริเริ่มทำโปรแกรม GoTeach เพื่อเป็นแนวทางในการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชน และฝึกฝนพวกเขาให้พร้อมรับมือกับการทำงานในโลกจริง

DHL

“พนักงานของเราจะลงพื้นที่ไปให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการทำงานโดยการแบ่งปันประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ รวมถึงการสร้างแรงบันดาลใจ โดย DPDHL Group ร่วมมือกับพันธมิตร 2 ราย ได้แก่ Teach for All และ SOS Children’s Villages ซึ่งเป้าหมายของพวกเราในการทำงานร่วมกันกับพันธมิตรเหล่านี้คือการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนจากหลากหลายสถานะทางเศรษฐกิจและถึงตอนนี้ในประเทศไทยมีเยาวชนจากหมู่บ้านเด็กโสสะและเด็กภายนอกที่ได้รับประโยชน์จากกิจกรรมประมาณ 636 คน”

นับว่ากลยุทธ์ที่ชัดเจนของ DHL Supply Chain และ DPDHL Group เป็นการตอกย้ำตำแหน่งผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำระดับโลกอย่างแท้จริง