Care the Wild PPS ปลูกป้องผืนป่าเชียงราย

ปลูกป่าเชียงราย

หลังเวทีประชุมด้านสิ่งแวดล้อม COP26 เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนผ่านมา แต่ละประเทศมีการประกาศเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมชัดเจนมากขึ้น รวมถึงประเทศไทยที่พร้อมยกระดับการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศอย่างเต็มที่ด้วยทุกวิถีทาง เพื่อให้ประเทศบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ภายในปี 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero) ภายในหรือก่อนหน้าปี 2065

หนึ่งในยุทธศาสตร์ที่จะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมาย คือ การช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคส่วนต่าง ๆ รวมทั้งเพิ่มการปลูกต้นไม้เพื่อช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่ปล่อยออกสู่ธรรมชาติ เพราะปัจจุบันยังมีปัญหาผืนป่าถูกทำลายทั้งจากไฟไหม้ป่า และการบุกรุกเพื่อประโยชน์อย่างการเพาะปลูกไร่เลื่อนลอย, ตัดไม้ทำลายป่า และการทำเหมืองแร่

ซึ่งในระดับปัจเจกนั้นประชาชนทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ผืนป่าได้โดยการสร้างความตระหนักรู้ รวมถึงสนับสนุนคนในพื้นที่ให้มีองค์ความรู้ในการจัดการดูแลผืนป่าในพื้นที่ได้

ปลูกป่าเชียงราย

นอกจากนี้ ยังต้องอาศัยมาตรการที่เคร่งครัดของภาครัฐเพื่อช่วยป้องกันปัญหาการบุกรุกที่ดินป่าไม้ อันจะนำไปสู่ปัญหาต่อระบบนิเวศได้ โดยแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี กำหนดเป้าหมายให้เพิ่มพื้นที่ป่าไม้ 40% โดยแบ่งเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 25% และพื้นที่ป่าใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจอีก 15%

อย่างไรก็ดี ประเทศไทยมีแผนขยายพื้นที่ป่าอย่างต่อเนื่องด้วยการเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมกันปลูกป่า ซึ่งหัวใจสำคัญคือจะต้องไม่กระทบชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในพื้นที่และทำให้ชุมชนได้ประโยชน์ด้วย

ตลอดเวลาผ่านมาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีส่วนร่วมสนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ โดยริเริ่มโครงการ Care the Wild “ปลูกป้อง” Plant & Protect แพลตฟอร์มความร่วมมือระหว่าง ตลท., ภาคเอกชน, ภาครัฐ และชุมชนในการร่วมปลูกต้นไม้ให้ได้ผืนป่า ด้วยแนวคิด “ปลูกป้อง” ปลูกต้นไม้ให้ได้ผืนป่า และดูแลต้นไม้ให้รอด 100%

ทั้งนั้น เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (UNSDG Goal) โดยที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการปลูกป่า ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ลดภาวะโลกร้อน ด้วยการติดตามข้อมูล และระดมทุนผ่านแอปพลิเคชั่น Care the Wild

บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ PPS บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นหนึ่งในองค์กรที่ร่วมโครงการกับ ตลท.สนับสนุนงบประมาณการปลูกและดูแลต้นไม้ในพื้นที่ปลูกของจังหวัดเชียงรายที่ป่าชุมชนบ้านใหม่ ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้

ปลูกป่าเชียงราย

มีเนื้อที่ทั้งหมด 520 ไร่ และคัดเลือกพื้นที่ป่าส่วนหนึ่งที่เป็นป่าเสื่อมโทรมเพื่อปลูกต้นไม้ให้สมบูรณ์ในโครงการรวม 20 ไร่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำอุดมสมบูรณ์ จึงมีเป้าหมายสร้างแหล่งอาหารธรรมชาติให้ชุมชนพัฒนาป่าเป็นแหล่งท่องเที่ยว

สำหรับในปี 2564 จะปลูกนำร่องก่อน 10 ไร่ ต้นไม้ 2,000 ต้น และจะปลูกเพิ่มในช่วงฤดูปลูกของปี 2565 (ระหว่างเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม)

“ดร.พงศ์ธร ธาราไชย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการ Care the Wild เปิดโอกาสให้บริษัทเล็ก ๆ มีโอกาสทำสิ่งที่ใหญ่ ๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมา PPS เคยดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อมแต่มักไม่ประสบผลสำเร็จเพราะ

หนึ่ง เราไม่มีความชำนาญ

สอง เราไม่ได้ทำในพื้นที่ของเรา จึงทำให้พนักงานไม่ได้ติดตามผลต่อเนื่อง

ฉะนั้น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงเข้าร่วมโครงการกับ ตลท. ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดจากความร่วมมือของหลายภาคส่วน ทำให้เราสามารถทำงานกับผู้เชี่ยวชาญหลายด้าน เช่น กรมป่าไม้ ซึ่งเป็นผู้ที่คอยชี้แนะแนวทางต่าง ๆ อีกทั้งยังได้ทำงานกับชุมชนที่มีความเข้มแข็งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงทำให้เกิดความมั่นใจว่าเขาจะช่วยดูแลต้นไม้ที่เราปลูกไว้แล้วต่อไปได้

ปลูกป่าเชียงราย

“ที่เลือกพื้นที่ป่าเชียงรายเพราะบริษัทมีไซต์งานอยู่ที่นี่ ผมอยากให้พนักงานของเรามีส่วนร่วมในการทำโครงการ และผมมองว่าเราสามารถชวนพาร์ตเนอร์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาร่วมขยายพื้นที่ปลูกป่ากับเราได้ อีกทั้งเชียงรายถือเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ สิ่งที่เราทำคือการสร้างต้นน้ำ รักษาต้นน้ำ ทำให้ชุมชนเข้มแข็ง การสนับสนุนโครงการครั้งนี้คือการลงทุน เป็นการทำบุญเล็ก ๆ ที่ได้ผลคุ้มค่ามาก ๆ”

“ผมอยากให้บริษัทจดทะเบียนอื่น ๆ มาดูว่าโครงการแบบนี้ดียังไง โดยเฉพาะบริษัทเล็ก ๆ อีกหลายบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ 500-600 บริษัท เลือกได้ว่าจะปลูกกี่ไร่ สำหรับพื้นที่ป่าชุมชนยังมีพื้นที่อีกจำนวนมากที่สามารถขยายได้”

“ดร.พงศ์ธร” กล่าวต่อว่า เราทำงานร่วมกันหลายภาคส่วนอย่างกรมป่าไม้ นอกจากนั้น เรายังทำงานร่วมมือกับชุมชนภายใต้การนำของ “ผู้ใหญ่สัมพันธ์ ทนทาน” ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 ซึ่งเป็นประธานกรรมการป่าชุมชนบ้านใหม่ โดยมีจำนวนครัวเรือนในชุมชน 142 ครัวเรือน ร่วมดูแลและรายงานการเติบโตของการปลูกป่าต่อเนื่อง 6 ปี นับตั้งแต่การปลูกเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา

ปลูกป่าเชียงราย

“ตอนนี้กระบวนการปลูกเสร็จสิ้นแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งระบบน้ำหยด เพื่อรองรับฝนขาดช่วงเมื่อเข้าสู่ฤดูแล้ง ผลลัพธ์จากที่เราสนับสนุนการปลูกไป 2,000 ต้น หากคำนวณแล้วช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 18,000 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และจะกลายเป็นแหล่งอาหารในอนาคต”

“สัมพันธ์ ทนทาน” ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 ประธานกรรมการป่าชุมชนบ้านใหม่ กล่าวเสริมว่า ชุมชนบ้านใหม่มีสมาชิก 142 ครัวเรือน จุดเด่นเดิมชุมชนมีการปลูกป่าอยู่เป็นประจำ เช่น ไผ่ เพื่อเป็นแหล่งอาหารธรรมชาติให้ชุมชนได้เข้ามาใช้ประโยชน์จากผลผลิต และปลูกเพื่อเป็นพืชคลุมดินให้ป่าชุมชนมีความชุ่มชื้น และตอนนี้ชุมชนได้เข้าร่วมโครงการด้วยการช่วยกันปลูกป่า

“ตอนนี้เราปลูกไปแล้ว ได้แก่ ไม้ยืนต้น เช่น สัก, ประดู่, มะค่าโมง, ยางนา, พะยูง, หว้า, กัลปพฤกษ์, นางพญาเสือโคร่ง, งิ้วดอกแดง, พืชเกษตร และไม้ผล ได้แก่ มะขามป้อม, มะขามเปรี้ยว, อะโวคาโด เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ 10 ไร่”

พร้อมกับวางระบบน้ำหยดเป็นแถวรวมทั้งหมด 20 แถว โดยแต่ละแถวจะมีระยะห่าง 2×4 เมตร ทั้งยังสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำไปยังถังเก็บน้ำขนาด 1,000 ลิตร และปล่อยน้ำตามท่อลงสู่โคนต้นไม้ โดยควบคุมด้วยระบบวาล์วเพื่อให้ต้นไม้ได้น้ำอย่างเพียงพอในช่วงฤดูแล้งหรือฝนขาดช่วง

ขณะเดียวกัน ก็แบ่งการดูแลโดยให้ชาวบ้านรับผิดชอบดูแลคนละ 85 ต้น ซึ่งแน่นอนว่าชาวบ้านจะได้ประโยชน์หากออกผลผลิตก็สามารถนำเมล็ดพันธุ์ไปขยายสร้างรายได้ให้กับชุมชนต่อไปได้

ปลูกป่าเชียงราย

ทั้งนี้ เมื่อเดือนตุลาคม 2563 โครงการ Care the Wild ตลาดหลักทรัพย์ฯยังมอบเงินสนับสนุนจากการทอดผ้าป่าปลูกต้นไม้บนพื้นที่ป่าดอยอินทรีย์ ต.ดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย ร่วมกับสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศาสตร์พระราชาวัดพุทธอุทยานดอยอินทรีย์

นำโดย “พระอาจารย์วิบูลย์ ธัมมเตโช” ที่ปรึกษาวัดพุทธอุทยานดอยอินทรีย์ และ “อำนาจ เจิมแหล่” ประธานกรรมการและสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจ ภายใต้โครงการสร้างป่า สร้างรายได้ เพื่อฟื้นฟูป่าต้นน้ำลำธารที่ถูกทำลายจากไฟป่าที่เกิดจากการดำรงชีวิตประจำวันของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ล้อมรอบป่า

สำหรับป่าดอยอินทรีย์มีพื้นที่ทั้งหมด 300 ไร่ ตลท.สนับสนุนการปลูก 15 ไร่ จำนวน 3,000 ต้น ตามหลักแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 (ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง) เพื่อปลูกเสริมขยายพื้นที่ป่าให้สมบูรณ์ เพิ่มพื้นที่สีเขียว และเป็นแหล่งอาหารที่ยั่งยืน

ปลูกป่าเชียงราย

ถือเป็นวิธีการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ด้วยการปลูกไม้ป่าดั้งเดิมของพื้นที่ให้เป็นไม้ประธาน ผสมผสานกับการปลูกพืชเกษตรหรือไม้เศรษฐกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่คนท้องถิ่นตามลำดับชั้นเรือนยอดตั้งแต่ชั้นบน ชั้นรอง ไม้พุ่มและไม้ผิวดิน ทำให้เกิดความหลากหลายของขนาดและพันธุกรรมพืช เกิดความอุดมสมบูรณ์เลียนแบบธรรมชาติประกอบด้วย ไม้เศรษฐกิจ เช่น พะยูง, ยางนา, มะค่าโมง, สัก, ประดู่, ไม้แดง

ไม้ผลใต้ร่มเงา เช่น ลองกอง, ทุเรียน, มังคุด, มะม่วง, เงาะ, มะยงชิด, มะขามยักษ์, ไม้ใต้ร่มเงา และพืชเบิกนำ เช่น โกโก้, กล้วย (จำนวน 1,500 ต้น), ไม้เลื้อยเรี่ยดิน เช่น พริกไทย, ฟักทอง, แตงกวา, มัน, ไม้หัวฝังดิน เช่น เผือก, มันม่วง, กระชาย, ข่า, ขมิ้น, ไพร, มันป่า, ตะไคร้, อัญชัน เป็นต้น

สำหรับการสำรวจล่าสุดสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯร่วมกันดูแล สร้างผลสำเร็จอัตราของต้นไม้รอดถึง 95% ช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ 27,000 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ทั้งยังเป็นแหล่งอาหาร เพิ่มพื้นที่ป่าลดแล้ง และเป็นศูนย์การเรียนรู้

โดยสร้างประโยชน์ให้กับ 6 หมู่บ้านในตำบลดอยฮาง ซึ่งมีสมาชิกกว่า 1,000 ครัวเรือน เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพิ่มความสมบูรณ์ให้ป่าต้นน้ำ เพื่อเกษตรกรใช้ประโยชน์ในพื้นที่ทำกิน และเป็นแหล่งอาหารจากป่าโดยรวม