ของขวัญปีใหม่ประกันสังคม ลดขั้นตอนอนุมัติ-ลดสมทบ-ของเยี่ยมผู้ป่วย

คำนวณเงินคงเหลือ “ประกันสังคม” หักเงินสมทบเดือนมิถุนายน-สิงหาคม เหลือ 2.5% เยียวยาช่วงโควิด

สปส.เร่งมอบของขวัญปีใหม่ 2565 แก่ผู้ประกันตน 3 อย่าง ลดขั้นตอนอนุมัติสิทธิฟอกเลือด ลดอัตราเงินสมทบ ม.40 เป็นระยะเวลา 6 เดือน และจัดหาของเยี่ยมผู้ป่วย

วันที่ 28 ธันวาคม 2564 นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน เตรียมส่งมอบของขวัญปีใหม่ให้แก่ผู้ใช้แรงงานในปี 2565

สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ในฐานะหน่วยงานที่มีพันธกิจการบริหารการประกันสังคมและเงินทดแทน เพื่อให้แรงงานผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 มีหลักประกันการดำรงชีวิตที่มั่นคงให้กับ จึงได้ขานรับนโยบายโดยมอบของขวัญปีใหม่ 2565 สำหรับผู้ประกันตน มีดังนี้

1. ลดขั้นตอนอนุมัติสิทธิ ปรับรูปแบบบริการขออนุมัติสิทธิฟอกเลือด โดยผู้ประกันตนไม่ต้องสำรองจ่าย ได้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 เป็นต้นไป โดยพัฒนาระบบการลงทะเบียนการบำบัดทดแทนไตกรณีฟอกเลือดร่วมกับสำนักสารสนเทศบริการสุขภาพ (สกส.)

จากเดิมที่ผู้ประกันตนรายใหม่ไปรักษาที่สถานพยาบาลต้องสำรองจ่ายไปก่อน และไปยื่นเอกสารที่สำนักงานประกันสังคม รอผลการอนุมัติใช้ระยะเวลารอคอยนาน (สูงสุดใช้ระยะเวลา 3 เดือน) เปลี่ยนเป็นผู้ประกันตนรายใหม่ไปยื่นที่สถานพยาบาลที่รักษาได้ทันที ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ต้องสำรองจ่าย ทำให้ผู้ประกันตนได้รับความสะดวกรวดเร็ว (One Stop Service) ลดเอกสาร และลดขั้นตอน

ทั้งนี้ มีผู้ประกันตนไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายรายใหม่ที่มารับบริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมเฉลี่ยเดือนละ 240 คน (อัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 1,500 บาทต่อครั้ง)

  • ระยะเวลา 1 เดือน ผู้ประกันตนไม่ต้องสำรองจ่าย 18,000 บาทต่อคน (เฉลี่ยมารับบริการคนละ 12 ครั้งต่อเดือน) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4.32 ล้านบาท
  • ระยะเวลาสูงสุด 3 เดือน ผู้ประกันตนไม่ต้องสำรองจ่าย 54,000 บาทต่อคน (เฉลี่ยมารับบริการคนละ 36 ครั้ง) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 12.96 ล้านบาท

2. ลดอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เหลือร้อยละ 60 เป็นระยะเวลา 6 เดือน

  • ทางเลือกที่ 1 ลดอัตราเงินสมทบเหลือ 42 บาทต่อเดือน จากเดิม 70 บาทต่อเดือน ได้สิทธิประโยชน์พื้นฐานคุ้มครอง 3 กรณี คือ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย
  • ทางเลือกที่ 2 ลดอัตราเงินสมทบเหลือ 60 บาทต่อเดือน จากเดิม 100 บาทต่อเดือน ได้สิทธิประโยชน์พื้นฐานคุ้มครอง 4 กรณี คือ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย และกรณีชราภาพ
  • ทางเลือกที่ 3 ลดอัตราเงินสมทบเหลือ 180 บาทต่อเดือน จากเดิม 300 บาทต่อเดือน ได้สิทธิประโยชน์พื้นฐานคุ้มครอง 5 กรณี คือ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย กรณีชราภาพ และกรณีสงเคราะห์บุตร

มีผู้ประกันตนมาตรา 40 ได้รับประโยชน์จากการลดอัตราเงินสมทบ จำนวน 10.57 ล้านคน รวมวงเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จำนวน 1,408.56 ล้านบาท

3. จัดหาของเยี่ยมให้กับผู้ประกันตนทั้ง 3 มาตรา ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ผู้ทุพพลภาพ ที่รักษาตัว ณ สถานพยาบาล หรือออกเยี่ยม ณ บ้านพักของผู้ประกันตน

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคมกล่าวว่า การมอบของขวัญปีใหม่ 2565 ในครั้งนี้ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย บรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกันตนในกรณีเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจ ช่วยอำนวยความสะดวกในการติดต่อใช้บริการงานประกันสังคม อีกทั้งเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยความห่วงใยและสร้างกำลังใจให้กับผู้ประกันตนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ