บพท.จับมือ 16 สถาบัน ปลดแอกความยากจน 4 หมื่นคน

กล่าวกันว่าการที่หน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) จับมือกับสถาบันการศึกษาทั้งหมด 16 แห่ง เพื่อต่อยอดการสร้างงานให้กับผู้ประสบความยากลำบากในชีวิต เพราะหลังจากพบคนจนไม่ได้อยู่ในระบบจำนวนมาก ด้วยการนำความรู้มาช่วยสร้างกลุ่มอาชีพบนฐานทรัพยากรท้องถิ่น โดยตั้งเป้าหมายยกระดับชีวิตชาวบ้านจำนวน 40,000 คน ใน 20 จังหวัดต้นแบบ พร้อมกับดึงภาครัฐและเอกชนท้องถิ่นเข้าร่วมพัฒนาระบบให้เกิดความยั่งยืน

“กิตติ สัจจาวัฒนา” ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า บพท.ร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษา 16 แห่งทั่วประเทศ ดำเนินการตรวจค้นผู้เดือดร้อนมาแล้วใน 20 จังหวัดต้นแบบ ทำให้พบว่ามีผู้ประสบความยากลำบากไม่ได้รับความช่วยเหลือถึง 400,000 คน ครอบคลุมความจนหลากมิติ เช่น ด้านการเงิน อาชีพ ที่อยู่อาศัย และสุขภาวะ

กิตติ สัจจาวัฒนา

บพท.ร่วมกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทำงานบนฐานข้อมูล TPMAP จนพบว่ายังมีคนจนยากไร้อีกจำนวนหนึ่งที่ไม่อยู่ในฐานข้อมูล big data บพท.จึงออกแบบระบบข้อมูลซึ่งมีลักษณะเป็น deep data ใช้ชื่อว่า PPP connext ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่สอบทาน และยืนยันเป้าหมาย

โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาคมพื้นที่ ประกอบด้วย องค์กรชุมชน ประชาสังคม ท้องถิ่น ท้องที่สถาบันวิชาการ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ทำให้สามารถระบุกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจนจนนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรงจุด ตรงประเด็น และทันท่วงที

ภารกิจนี้สะท้อนบทบาทสำคัญของมหาวิทยาลัยพัฒนาพื้นที่ในการร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมีความพร้อมทั้งในด้านบุคลากร ข้อมูล ความรู้ เทคโนโลยี และกลไกภาคีเครือข่าย

โดยช่วงปีงบประมาณ 2563-2564 บพท.มีการดำเนินแผนงานวิจัยการแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่นำร่อง 20 จังหวัดที่มีรายได้ภาคครัวเรือนต่ำที่สุดจากข้อมูลดัชนีความก้าวหน้าของคนปี 2562 ซึ่งแบ่งเป็นจำนวน 10 จังหวัดในปี 2563 ประกอบด้วย ปัตตานี, อำนาจเจริญ, แม่ฮ่องสอน, ชัยนาท, สุรินทร์, ยโสธร, ศรีสะเกษ, สกลนคร, มุกดาหาร, กาฬสินธุ์ และ 10 จังหวัดในปี 2564 ได้แก่ บุรีรัมย์, นราธิวาส, อุบลราชธานี, ลำปาง, พัทลุง, นครราชสีมา, ร้อยเอ็ด, พิษณุโลก, เลย และยะลา

ทั้งนี้ จากระบบการสอบทานอย่างละเอียด พบข้อมูลคนยากจน 7.8 แสนคน เพื่อส่งต่อเข้าระบบความช่วยเหลือขององค์กรภาครัฐ

สำหรับปี 2565 จึงเป็นการทำงานต่อยอดกระบวนการถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในการพัฒนาอาชีพ พร้อมกับยกระดับคุณภาพชีวิตโดยมีเป้าหมายในการช่วยเหลือคนจนไม่น้อยกว่า 10,000 ครัวเรือน รวม 40,000 คน ซึ่งคนเหล่านี้ส่วนหนึ่งจะเข้าสู่ระบบสวัสดิการภาครัฐ และอีกส่วนหนึ่งทาง บพท.จะพัฒนาโมเดลแก้จนโดยร่วมมือกับสถาบันวิชาการ และกลไกภาคี วิเคราะห์ศักยภาพคนจนกลุ่มเป้าหมาย วิเคราะห์เทคโนโลยีความรู้พร้อมใช้ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ทั้งด้านการเกษตร, การแปรรูป, การตลาด, วิสาหกิจชุมชน, การพัฒนาระบบการเงินเพื่อสิ่งแวดล้อม ฯลฯ

ขณะนี้มีการประมวลผลเป็นโมเดลแก้ไขปัญหาความยากจนในหลากหลายรูปแบบ อันสอดคล้องกับบริบทภูมิสังคม เช่น กลุ่มสมุนไพร, กลุ่มสิ่งแวดล้อม, กลุ่มพัฒนาอาชีพ, กลุ่มคลังแรงงาน, กลุ่มสวัสดิการชุมชน เป็นต้น

“สมุนไพรเป็นหนึ่งในสาขาเศรษฐกิจสำคัญในแผนหลักของประเทศ และสอดรับกับวาระแห่งชาติ BCG ดังนั้น บพท.และมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการจึงเห็นโอกาสและความเป็นไปได้ เพราะเป็นการพัฒนาบนทุนเดิมของชุมชน โดยจะทำเป็นตัวอย่าง ซึ่งเมื่อนำความรู้ไปช่วยสำเร็จแล้วจะยกระดับเศรษฐกิจ ตลอดห่วงโซ่การผลิต เพราะคนจนจะอยู่ในห่วงโซ่ได้ทั้งระดับต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับศักยภาพของกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน โดยมีกลไกภาคีสนับสนุน”


สำหรับสถาบันอุดมศึกษา 16 แห่งที่ประสานความร่วมมือกับ บพท.เพื่อบรรลุเป้าหมายในการปลดแอก 40,000 คน ให้พ้นจากความยากจน ได้แก่ วิทยาลัยชุมชนมุกดาหาร, วิทยาลัยชุมชนชัยนาท, วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน, วิทยาลัยชุมชนยโสธร, มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ, มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์, มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด, มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา, มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง, มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา, มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์, มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์