ผลสำรวจล่าสุด 74% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า การบังคับตัดผมยังคงมีอยู่ ซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจ โดฟจึงผนึกกำลังผู้เชี่ยวชาญ พันธมิตรด้านการศึกษาและประชาชน เดินหน้ารณรงค์ให้ยุติ
วันที่ 5 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่ารายงานว่า โดฟ (Dove) ภายใต้กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย เผยผลการสำรวจล่าสุดจากกลุ่มตัวอย่างของบริษัท ยูโกฟ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ประกอบด้วย นักเรียน ผู้ปกครอง ผู้หญิงและครู พบว่า 74% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า การบังคับตัดผมยังคงมีอยู่เพื่อให้นักเรียนอยู่ในระเบียบวินัยของโรงเรียน
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
นางสาวผกาฉัตร เตชาบูรพานนท์ รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายพัฒนาตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดฟกล่าวว่า เมื่อสองปีที่แล้วประเทศไทยได้มีการแก้ไขกฎระเบียบทรงผมของนักเรียน เพื่อให้มีความครอบคลุมมากขึ้น และห้ามไม่ให้มีการลงโทษนักเรียนโดยการตัดผม
จากผลการสำรวจของโดฟพบว่า:
• เกือบครึ่งของนักเรียนมัธยมปลายที่ถูกลงโทษตัดผม ระบุว่า การกระทำดังกล่าวได้ส่งผลลบต่อการแสดงความคิดเห็นของพวกเขา
• นักเรียนมัธยมปลายมากกว่า 3 ใน 5 คน เชื่อว่ากฎบังคับเรื่องทรงผม ทำให้พวกเขารู้สึกไม่มั่นใจในรูปร่างของตนเอง หรือรู้สึกว่ารูปลักษณ์ของตนเองดูไม่ดี
• นอกจากผลสำรวจในกลุ่มนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว ในกลุ่มหญิงสาว (19-24 ปี) 71% ระบุว่า กฎระเบียบบังคับทรงผมส่งผลลบต่อความมั่นใจในตนเองของพวกเธอด้วยเช่นกัน
• ผลการสำรวจยังพบว่า ครูมากกว่า 40% ยังไม่ทราบถึงรายละเอียดการแก้ไขของกฎระเบียบเรื่องทรงผม
• ผู้ตอบแบบสำรวจ 3 ใน 5 คน เห็นว่ากฎระเบียบเรื่องการบังคับทรงผมนั้นล้าสมัย และโรงเรียนไม่ควรบังคับใช้อีกต่อไป
“กฎระเบียบการลงโทษด้วยการตัดผมส่งผลกระทบมากกว่าแค่ผมของนักเรียน ซึ่งสอดคล้องกับผลการสำรวจที่จัดทำขึ้น ที่พบว่านักเรียนมัธยม 8 ใน 10 คน ได้สูญเสียความมั่นใจในตนเองด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้ความงาม คือ ที่มาของความมั่นใจ ไม่ใช่ความกังวล ด้วยเหตุนี้โดฟเชิญชวนคนไทยทั่วประเทศร่วมสนับสนุนแคมเปญ #LetHerGrow เพื่อยุติกฎการลงโทษตัดผมเพื่อทุกคน
โดฟมีความเชื่อว่า หากเราสามารถส่งเสริมความมั่นใจให้เด็ก ๆ พวกเขาจะสามารถเติบโตอย่างมั่นใจ และมีโอกาสที่เปิดกว้าง เราจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตให้เด็กได้เติบโตขึ้นในแบบที่ดีที่สุดของพวกเขา เรามีความภาคภูมิใจที่จะได้ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตรด้านการศึกษา ในการสร้างการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการริเริ่มกองทุน Growth Fund (เดอะโกรทฟันด์) เพื่อสนับสนุนให้เกิดการขับเคลื่อนในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และสร้างอนาคตที่ดีขึ้นให้กับลูกหลานของเรา”
นางสาวผกาฉัตรกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมากว่า 15 ปี โดฟทำโครงการ Dove Self-Esteem Project (โดฟ เซล์ฟ เอสตีม โปรเจค) เพื่อช่วยผู้ปกครอง ผู้ให้คำปรึกษา ครู และผู้นำรุ่นใหม่ เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับความเชื่อมั่นและการเห็นคุณค่าในตนเอง ไปยังคนรุ่นใหม่กว่า 82 ล้านคนทั่วโลก
ทำให้โดฟกลายเป็นแบรนด์รายใหญ่ที่สุดของโลกที่ส่งเสริมและให้การศึกษาเกี่ยวกับการสร้างความมั่นใจในรูปร่างตนเอง ภายในปี 2573 โดฟมุ่งที่จะช่วยให้คนรุ่นใหม่ จำนวน 250 ล้านคน มีความพึงพอใจในรูปลักษณ์และยอมรับความงามในแบบของตนเอง
นอกจากนี้ โดฟกำลังผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตร อย่างสมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ องค์กรเอกชนไม่แสวงหาผลกำไร ที่พัฒนาเด็กผู้หญิงและเยาวสตรีให้เป็นพลเมืองที่เก่ง ดี มีประโยชน์ ต่อสังคมมากว่า 60 ปี ในฐานะพันธมิตร โดฟและสมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งประเทศไทยฯ จะร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนทั่วประเทศ
และโดฟยังร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา ผศ.พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น เจ้าของเพจ “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเชิงลึกถึงผลกระทบของการบังคับใช้กฎระเบียบที่เกินขอบเขตที่ส่งผลต่อความมั่นใจของเด็ก และการเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต
ผศ.พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น กล่าวว่า การถูกบังคับตัดผมอาจกลายเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายและสร้างความบอบช้ำทางจิตใจให้กับนักเรียน และสามารถส่งผลกระทบในระยะยาวต่อการพัฒนา “ตัวตน” ของเด็กและวัยรุ่น
“ความมั่นใจซึ่งมีความสำคัญต่อการเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุข มีความมั่นใจ และมีความเคารพตัวเอง ถ้าเราต้องการให้เด็ก ๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นคงทางใจ ต้องเริ่มให้ความสำคัญในการเคารพตัวตนและสร้างรากฐานความมั่นใจนี้ให้กับพวกเขาตั้งแต่วันนี้”
เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริง โดฟเชิญชวนผู้ปกครอง นักเรียน และนักการศึกษา ร่วมรณรงค์ยุติกฎการลงโทษตัดผมในโรงเรียนผ่านทางเว็บไซด์ DoveLetHerGrow.com หรือสแกน QR สัญลักษณ์ของแคมเปญที่ปรากฏอยู่ตามจุดต่าง ๆ ทั่วประเทศ
ร่วมแสดงจุดยืนร่วมกัน และโดฟยังได้ริเริ่มกองทุน The Growth Fund เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยมอบทุนจำนวน 10,000,000 บาท ครอบคลุมระยะเวลา 3 ปี เพื่อสนับสนุนด้านงานศึกษาวิจัย การให้ความรู้ผ่านผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง การทำงานร่วมกับโรงเรียนและนักการศึกษา เพื่อสร้างความตระหนักถึงผลกระทบของกฎบังคับทรงผมที่เคร่งครัดเหล่านี้ ที่ส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเองของเด็กและการนับถือตนเองของคนรุ่นต่อไป