“Shabu Nashi” ร้านเล็ก ๆ แต่ตั้งใจทำ bucket list ของ “ธนา เธียรอัจฉริยะ”

วันที่ 18 สิงหาคม 2566 - 20:57 น.

“ร้านเล็ก ๆ แต่ตั้งใจทำ” คือนิยามของ “Shabu Nashi” ร้านชาบูสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ๆ ของ “โจ้-ธนา เธียรอัจฉริยะ” อดีตแม่ทัพการตลาด ธนาคารไทยพาณิชย์, ดีแทค และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งซ่อนตัวอยู่ภายในศูนย์การค้าเอราวัณ แบงค็อก ย่านราชประสงค์

การเปิดร้านชาบู เป็นหนึ่งใน bucket list ไม่กี่อย่างในชีวิตของธนาที่ได้แรงบันดาลใจมาจากร้านชาบูเล็ก ๆ ในประเทศต้นตำรับ

“ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ผมไปโตเกียวจะต้องแวะไปที่ร้านชาบู ชื่อ Shabusen ใต้ตึกกินซ่า คอร์ เป็นมื้อแรกของทริปเสมอ Shabusen เป็นร้านชาบูที่เรียบง่าย ไปถึงก็นั่งแยกกัน มีหม้อต้มส่วนตัว มีแค่ชุดผัก น้ำซุป น้ำจิ้มงาเค็ม ๆ มัน ๆ พอนสึรสกลมกล่อม เสิร์ฟเนื้อสไลล์บาง ๆ วากิว A4 ขนาดใหญ่เท่าหน้า แค่แกว่งๆ ในน้ำแป๊ปเดียวแล้วจิ้ม เป็นความอร่อยแบบสูงสุดคืนสู่สามัญ คิวยาวแค่ไหนก็จะรอ”

จาก “ชาบูเลิฟเวอร์” สู่เจ้าของร้านชาบู

“ผมเป็นคนที่ไม่มีความฝันอะไรสักเท่าไร เวลามีคำถามว่าความฝันของผมคืออะไร มักนึกไม่ค่อยออก เมื่อพยายามนึกถึงอะไรที่ชอบ ภาพที่โผล่ขึ้นมาไม่ใช่การมีตำแหน่ง มียศถาบรรดาศักดิ์ หรือธุรกิจใด ๆ แต่มักเป็นภาพของเนื้อร้านนี้โผล่ขึ้นมา เริ่มอยากมีร้านชาบูแบบ shabusen ที่ไทยบ้าง จะได้ไปกินได้บ่อย ๆ พาเพื่อนฝูงที่สนิทไปกินอะไรในแบบที่เราชอบ”

คำว่า Nashi แปลว่าความเรียบง่าย “Shabu nashi” จึงเป็นร้านชาบูที่เรียบง่าย เหมือนมากินข้าวบ้านเพื่อน

“หลายสิ่งที่ผมทำมักเริ่มต้นมาจากความอยาก เช่น อยากทำหลักสูตรที่เราอยากเรียน อยากทำร้านที่อยากกิน หลายคนเคยกิน shabusen ก็บอกว่าดีแต่ผมเองก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง เพราะผมชอบกิน และรู้ว่าแบบไหนอร่อย แต่ให้ทำร้านอาหาร ให้เลือกเนื้อ ให้ทำสูตรน้ำจิ้มทำไม่เป็น ผมพูดบ่อยเข้าเลยไปเข้าหูสองเซียนญี่ปุ่น คุณต้อม จิรัช ผู้ก่อตั้ง BNK48 และคุณเบน ณ นคร เจ้าพ่อร้านอาหารพรีเมี่ยมญี่ปุ่น”

สายเนื้อต้องห้ามพลาด

ธนาบอกว่า ต้อม-จิรัช และเบน เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้ง รู้ว่าต้องเริ่มอย่างไร ทำให้ Shabu Nashi เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้

“เมื่อเป็นเรื่องเนื้อ คุณเบนเลยนึกถึงเชฟแทน Beef Master แห่ง 35 dryage beef ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเนื้ออันดับต้น ๆ ของประเทศ จึงชวนให้มาทำด้วยกัน”

“ต้อม-จิรัช” แห่ง BNK48 อีกหนึ่งหุ้นส่วนสำคัญเสริมว่า เขาเองก็มีความฝันอยากเปิดร้านชาบูเหมือนกัน เพราะเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าอาหารหลายประเภท ประกอบกับเป็นคนชอบทานเนื้อ เมื่อมีโอกาสได้คุยกับเชฟแทนก็ยิ่งทำให้รู้ว่าเนื้อไทยดี ๆ มีให้เลือกมาก

Shabu Nashi จึงเสิร์ฟด้วยเนื้อริบอายพรีเมียมคุณภาพ ที่มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Premium Local Beef จากฟาร์มวัวที่ดีที่สุดของเมืองไทย, Kuroge Wagyu หรือ Wagyu F1 จากจังหวัดอิวาเตะ, Furano Wagyu A5 จากเมืองฟูราโน ฮอกไกโด และ Sendai Wagyu A5 เมนูพิเศษ chef selected ที่ “เชฟแทน-ไกรสร กิตติคุณ” beef master เสาะแสวงหามาให้ลิ้มลองตามฤดูกาล

ด้วยแนวคิดความเรียบง่ายแบบญี่ปุ่น Shabu Nashi จะมีน้ำซุปเพียงแบบเดียว ซึ่งผ่านการคิดค้น และทดลองจนมั่นใจว่าจะช่วยดึงรสชาติความอร่อยของเนื้อได้ดียิ่งขึ้น

เมื่อนำเนื้อที่จุ่มลงในหม้อชาบู “เชฟ” แอบกระซิบว่า “ให้พับเนื้อเป็นสามทบแล้วคีบลงจุ่มให้เนื้อจมมิดลงไปในน้ำความร้อน 90 องศาเซลเซียส ประมาณ 5 วินาที

เพิ่มความอร่อยกลมกล่อมอีกนิดด้วยน้ำจิ้มโฮมเมดสูตรพิเศษของทางร้าน 2 สไตล์ คือ “พอนสึ” รสชาติเปรี้ยวหวาน มีอาวุธลับเป็น ยูสุนำเข้าจากญี่ปุ่นให้ความสดชื่น และตัดเลี่ยนจากไขมันเนื้อได้เป็นอย่างดี หรือใครชอบรสชาติหวานมันต้องไม่พลาดน้ำจิ้ม “งา” ที่คั่ว และบดเองแบบวันต่อวัน จนได้เนื้อซอสเนียนนุ่ม แต่เข้มข้นหอมอร่อย

Beef Lover เลือกได้ 4 แบบ

เมนูมีให้เลือกสี่เสริฟพร้อม appetizer สลัด ข้าว หรืออุด้งเส้นหนึบ และชุดผัก ได้แก่

1.ชุด Premium Local Beef เนื้อส่วนริบอายที่เลือกจากฟาร์มวัวที่ดีที่สุดของประเทศ ตามคุณภาพเนื้อในแต่ละสัปดาห์ หน้าเนื้อต้องสูงไม่ต่ำกว่า 10 ซม. รสชาติเนื้อแดงจะมีความเข้มข้น เพื่อเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวเมืองไทยได้ลิ้มลองและสัมผัสรสชาติความอร่อยของเนื้อวัวสายพันธุ์ไทย ที่มีเสน่ห์อยู่ที่ความเข้มข้นของเนื้อ เมื่อทานคู่กับน้ำซอสสูตรพิเศษของทางร้านแล้วเข้ากันอย่างลงตัว ราคาชุดละ 850 บาท

2.ชุด Kuroge Wagyu จากจังหวัดอิวาเตะ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Wagyu F1 เกิดจากการเอาเนื้อแองกัสไปผสมกับวากิวที่ญี่ปุ่น เพื่อให้เกิดเนื้อแดงที่มีรสชาติเข้มจากแองกัสผสานรวมกับไขมันหอม ๆ ผิวสัมผัสนุ่ม ๆ ของวัวญี่ปุ่น เป็นการดึงข้อดีของสองสายพันธุ์มาไว้ด้วยกัน เมื่อลวกแล้วจะมีความนุ่มละมุน ความนุ่มนวลของไขมันอยู่ในระดับพอดี เป็นสองรสชาติในเนื้อหนึ่งแผ่นแผ่นเดียวกัน ราคาชุดละ 1,250 บาท

3.ชุด Furano Wagyu A5 เป็นเนื้อวากิวที่ส่งตรงมาจากเมืองฟูราโน ฮอกไกโด หนึ่งในเนื้อขึ้นชื่อระดับประเทศของญี่ปุ่น จุดเด่นของตัวนี้อยู่ที่เป็นวัวที่มาจากทางตอนเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งมีอากาศหนาว วัวจะสะสมไขมันได้ดี ไขมันที่ได้จะมีรสชาติหอมอร่อย จึงมีชื่อเสียงถึงความนุ่มนวลของไขมันจนละลายในปาก และด้วยการสไลด์เนื้อแบบพิเศษ หน้ากว้างกว่าปกติ ทำให้การรับรู้ถึงไขมันที่แทรกตามแผ่นเนื้อได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ตัวเนื้อแดงอาจไม่เข้มข้นเท่าตัว Kuroge Wagyu แต่รสชาติจะนุ่มนวลกว่า กินแล้วละลายในปาก คุ้มค่า ชุดละ 1,650 บาท

4.Sendai Wagyu A5 เมนูพิเศษ chef selected เชฟแทนจะคอยเสาะหา คัดมาในแต่ละซีซั่น เน้นคัดเนื้อดีคุณภาพแน่น เพราะอยากให้ลูกค้าได้ลิ้มลองรสชาติของเนื้อระดับพรีเมียมขั้นสูงสุด โดยตัว Sendai Wagyu ไขมันและความนุ่มของเนื้อจะขึ้นไปอีกระดับ เป็นเนื้อที่เลี้ยงมาเป็นพิเศษ ได้รับการขุนอย่างดี อยู่ในเมืองที่ดี อากาศที่ดี อาหารดี มี marble score อยู่ที่ระดับ 10-11 จากทั้งสิ้น 12 ระดับ ราคาชุดละ 2,050 บาท หมดแล้วหมดเลย

ใครที่ไม่กินเนื้อ Shabu Nashi มีชุดเนื้อหมูด้วย ราคาชุดละ 650 บาท จาก S Pure เป็นเนื้อหมูส่วนสันนอกที่ติดกับสามชั้นซึ่งมีไม่มากในหมูหนึ่งตัว ลวกในน้ำซุปจนสุก เนื้อสัมผัสที่ได้ไม่มีแข็งกระด้าง เข้ากันได้ดีกับน้ำจิ้มสูตรพิเศษของทางร้าน

นอกจากเนื้อปริมาณ 150 กรัมแล้วในหนึ่งเซตจะประกอบด้วย appetizer อย่างสลัดผักคอสสด และไข่นกกระทายางมะตูมแช่ในน้ำซอสปรุงพิเศษ 4 ชั่วโมงก่อนนำไปคั่วในกระทะ แล้วเอาซอสราดอีกรอบก่อนเสิร์ฟ ให้รสสัมผัสกรุบๆ ในปากเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีชุดผักให้อีกหนึ่งกระจาดย่อม ๆ ลูกค้าเลือกอุด้งเส้นสด หรือข้าวญี่ปุ่นอุ่น ๆ ก็ได้ ก่อนปิดท้ายเซตเมนูด้วย “กรานิต้าผลไม้”

ใครอยากลองชาบูสไตล์ญี่ปุ่นแท้หน้าเนื้อกว้างเป็นพิเศษ ซึ่งหาได้ยากในเมืองไทย ไปลองได้ที่ Shabu Nashi ชั้น LG ศูนย์การค้าเอราวัณ แบงค็อก แยกราชประสงค์ เปิดให้บริการวันละ 2 รอบ 11.30 –14.00 น. และ 17.00 – 21.00 น. วันอังคาร – วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) จองโต๊ะล่วงหน้าได้ที่ 089-922-6671 หรือที่ Chope