80 ปี เวทีราชดำเนิน ก้าวต่อไป…ยกระดับอุตสาหกรรมมวยไทยแสนล้าน

เธียรชัย พิสิฐวุฒินันท์
เธียรชัย พิสิฐวุฒินันท์

23 ธันวาคม 2488 “เวทีราชดำเนิน” หรือ “สนามมวยราชดำเนิน” สนามมวยมาตรฐานแห่งแรกของประเทศไทยถือกำเนิดขึ้น

23 ธันวาคม 2567 เวทีราชดำเนินก้าวเข้าสู่ปีที่ 80

นับตั้งแต่ก่อตั้งเวทีมวยราชดำเนินสร้างประวัติศาสตร์ของตนเองควบคู่กับประวัติศาสตร์ของมวยไทยมาอย่างยาวนาน เป็นบ้านเกิดของตำนานนักมวยหลาย ๆ คน เช่น โผน กิ่งเพชร, ชาติชาย เชี่ยวน้อย, เวนิส บ.ข.ส., พเยาว์ พูนธรัตน์, เขาทราย แกแล็คซี่, รัตนพล ส.วรพิน จนได้ชื่อว่าเป็น “บ้านของมวยไทย”

เวทีราชดำเนินในอดีตเคยสร้างสถิติจำนวนผู้เข้าชมมวย 1 นัดมากถึงระดับเกือบหมื่นคน ก่อนที่มวยไทยจะค่อย ๆ เริ่มเสื่อมความนิยมลงไป และเข้าสู่จุดต่ำสุดในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มระบาดในประเทศไทย เมื่อต้นปี 2563

ตลอดเวลา 8 ทศวรรษที่ผ่านมา เวทีราชดำเนินซึ่งริเริ่มก่อตั้งขึ้นโดยรัฐ ได้ผ่านการ “เปลี่ยนมือบริหาร” มาแล้วหลายครั้ง จนกระทั่งล่าสุดอยู่ในมือของ บริษัท โกลเบิล สปอร์ต เวนเจอร์ส จำกัด (Global Sport Ventures : GSV) ที่เข้ามาบริหารเมื่อปี 2565 หรือยุคหลังโควิด-19

แบงค์-เธียรชัย พิสิฐวุฒินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โกลเบิล สปอร์ต เวนเจอร์ส จำกัด ประกาศว่า ที่นี่คือ One of a kind เป็นสถานที่ที่มอบประสบการณ์สุดพิเศษที่ไม่มีสถานที่อื่นในโลกนี้เสมอเหมือน

ADVERTISMENT

“เป้าหมายของเราคือการมีผู้ชมแตะ 1 ล้านคนต่อปี ในปี 2569” ประธานกรรมการบริหาร GSV บอกในการให้สัมภาษณ์กับ “ประชาชาติธุรกิจ”

เธียรชัย พิสิฐวุฒินันท์ เข้ามานั่งบริหารและเปลี่ยนแปลงสนามมวยระดับตำนานแห่งนี้ตั้งแต่ต้นปี 2565 หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ซึ่งในตอนแรกที่เริ่มกลับมาเปิดนั้น มีการจัดการแข่งขันเพียง 1 วันต่อสัปดาห์ และมีผู้เข้าชมเพียงแมตช์ละ 20 คน เป็นต่างชาติทั้งหมด

ADVERTISMENT

เวทีราชดำเนินในยุค GSV ได้รับการปรับโฉมยกระดับให้ทันสมัย มีการจัดชกมวยทุกวัน และมีทัวร์นาเมนต์ใหม่ที่ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ซึ่งมีส่วนทำให้มวยไทยเป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้เวทีราชดำเนินกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ชาวต่างชาติจดเข้าลิสต์สถานที่ท่องเที่ยวที่ควรไปเยือนเมื่อเดินทางมาประเทศไทย

เอ็มมานูเอล มาครง
เอ็มมานูเอล มาครง

นอกจากการถ่ายทอดสดออกไปทั่วโลกแล้ว เวทีราชดำเนินในมือ GSV ยังมีการทำการตลาดผ่านคนดัง โดยได้เชิญชวนคนดังระดับโลกหลายคนไปเยือน อย่างเช่น เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ที่เยือนเวทีราชดำเนินในระหว่างการเดินทางเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค เมื่อปี 2565

แจ็ก หม่า
แจ็ก หม่า

แจ็ก หม่า มหาเศรษฐีชื่อดังชาวจีน ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา ที่เดินทางมาเยือนเมืองไทย เมื่อต้นปี 2566 และนักร้องสาวชื่อดัง ดัว ลิปา จากอังกฤษ เป็นคนดังระดับโลกรายล่าสุดที่มาไทย และไปเยือนเวทีราชดำเนิน เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

หลังจากที่ GSV เข้ามาบริหารเกือบ 2 ปี วันนี้เวทีมวยราชดำเนินเติบโตขึ้นมหาศาล สถิติคนดูในปี 2567 มากกว่า 300,000 คน เป็นชาวต่างชาติในสัดส่วน 80%

ถึงแม้จะประสบความสำเร็จในแง่การดึงดูดผู้ชมแล้ว แต่เธียรชัยบอกว่า “ผมคิดว่านี่ยังเป็นแค่เบบี้สเต็ป ผมต้องการสร้างระบบนิเวศมวยไทยให้แข็งแกร่งและยั่งยืน”

3 เสาหลักทำมวยปัง

เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ GSV ได้กำหนด 3 เสาหลักในการเดินหน้าพัฒนาเปลี่ยนแปลงสนามมวยราชดำเนิน คือ

1.สนาม : รีแบรนด์มวยไทยและรีโนเวตสนาม ทั้งภายนอกและภายใน ใส่แสงสีเสียงเต็มระบบ เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกและใช้โปรดักชั่นระดับโลก วางเป้าเป็นสถานที่ของคนทุกเพศทุกวัย เพื่อนฝูงกอดคอกันมาร่วมสนุก หนุ่มสาวพากันมาออกเดต ครอบครัวยินดีที่จะพาลูกหลานมารับชม เหมือนรายการกีฬาระดับท็อปอย่างบาสเกตบอลเอ็นบีเอ อเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอล หรือศึกฟุตบอลยุโรป

เธียรชัยเลือกรีโนเวตเวทีราชดำเนินในรูปแบบโมเดิร์นคลาสสิก รักษาสถาปัตยกรรมเดิมที่ได้รับอิทธิพลจากยุคอาร์ตเดโค (Art Deco) เอาไว้ แล้วเพิ่มเติมสิ่งอำนวยความสะดวกระดับไฮคลาส ล้อไปกับคุณค่าเชิงศิลปะที่มีมาอย่างยาวนานของไทย

“ราชดำเนินเป็นเหมือนบ้านของมวยไทย เราต้องการคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ ศิลปวัฒนธรรม ทั้งในแง่ศิลปะบนสังเวียนและสิ่งอื่น ๆ ที่รายล้อม เหมือนโรงละครบรอดเวย์ที่นิวยอร์ก ที่มีทั้งความงาม ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมอยู่ในนั้น”

ตัวอย่างศิลปะที่เธียรชัยเลือกเก็บรักษาไว้ คือ การไหว้ครูและการแสดงวงปี่กลอง ซึ่งตอนแรกที่เข้ามาบริหาร เขาก็ไม่มั่นใจว่าชาวต่างชาติจะเบื่อหรือไม่ จะมองว่าโบราณหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจจากการมองไปที่แก่นหลักของเวทีราชดำเนิน

เธียรชัยบอกว่า “ไม่ใช่แค่เลือกเก็บไว้เท่านั้น แต่ยังชูให้สุดด้วย” จากเดิมที่การไหว้ครูและการแสดงปี่กลองเป็นเพียงตัวประกอบ แต่ตอนนี้ได้ทำให้โดดเด่นขึ้น โดยส่งเสริมให้นักมวยทั้งไทยและเทศไหว้ครู และสร้างแท่นใหม่ให้โดดเด่น ปรับเสื้อผ้าให้เหล่าปี่มวย และมีซีนสาดส่องสปอตไลต์ให้เวลากับช่วงปี่กลอง พร้อมประกาศว่า “นี่คือมวยไทยออร์เคสตร้า”

2.รายการกีฬา : เธียรชัยเล่าว่า เวทีราชดำเนินในการบริหารของ GSV มีรายการแข่งขันหลากหลายรูปแบบ โดย “RWS ราชดำเนิน เวิลด์ ซีรีส์” คือ รายการแข่งขันระดับเรือธง มีแฟนมวยและนักท่องเที่ยวมาติดตามชมที่สนามในทุกวันเสาร์ และยังมีการถ่ายทอดสดทั้งในประเทศไทยผ่านช่องเวิร์คพอยท์ 23 และต่างประเทศ โดยพาร์ตเนอร์คนสำคัญอย่าง “DAZN” (ดะ-โซน) แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งรายการกีฬา ออกอากาศครอบคลุมกว่า 200 ประเทศและเขตการปกครองทั่วโลก โดยคาดว่าจะสามารถสร้างการรับรู้ได้มากกว่า 20 ล้านคน

นอกจากนี้ยังร่วมมือกับโปรโมเตอร์ทั่วโลก เพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักมวยมาปะทะกันในรายการ “Road to Rajadamnern” (โรด ทู ราชดำเนิน) ซึ่งปีที่แล้วจัดใน 11 เมืองทั่วโลก เช่น เมลเบิร์น ออสเตรเลีย, กาดิซ สเปน, บาหลี อินโดนีเซีย, ลิเวอร์พูล อังกฤษ, โยโกฮามา และชิบะ ญี่ปุ่น เป็นต้น

3.ระบบนิเวศและห่วงโซ่อุปทาน : เธียรชัยบอกว่า GSV ต้องการสร้างความแข็งแกร่งทั้งระบบนิเวศเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ตั้งแต่นักมวย ค่าย โค้ช อุปกรณ์กีฬา สนามแข่ง การถ่ายทอด และอื่น ๆ ซึ่งคาดว่าอุตสาหกรรมมวยไทยมีมูลค่ารวมมากกว่า 1 แสนล้านบาท นับเฉพาะในประเทศไทยแต่ละปีมีนักมวยร่วมแข่งกันประมาณ 5,000 คน สร้างงานมากกว่า 1 หมื่นตำแหน่ง ในอาชีพที่หลากหลาย

“ผมอยากทำให้เห็นว่า กีฬาเป็นหนึ่งในสิ่งที่ยกระดับคุณภาพชีวิตคนได้” ประธานกรรมการบริหาร GSV บอก

วางเป้าผู้ชม 1 ล้านคนปี 2569

ตั้งแต่ที่ GSV เข้ามาบริหารเมื่อต้นปี 2565 เวทีราชดำเนินมียอดผู้เข้าชมเติบโตขึ้นมาก โดยในปี 2565 มีจำนวนผู้เข้าชมประมาณ 29,000 คน ปี 2566 มีจำนวนผู้เข้าชม 129,000 คน และในปี 2567 คาดว่ารวมทั้งปีจะมีผู้ชมมากกว่า 300,000 คน โดย 80% ของผู้เข้าชมเป็นชาวต่างชาติ และถือเป็นปีแรกในประวัติศาสตร์สนามมวยในกรุงเทพฯ ที่มีการจัดการแข่งขัน 7 วันต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 361 วันต่อปี

เมื่อเจาะลึกลงไปพบว่า 45% ของผู้เข้าชมเป็นกลุ่มหนุ่ม-สาวที่มารับชมเพื่อความบันเทิงและออกเดต 30% เป็นกลุ่มเพื่อน และอีกประมาณ 8% เป็นกลุ่มครอบครัวที่มาพร้อมกับเด็ก ๆ

“เป็นภาพประทับใจและมีความหมายต่อเรามาก เราสามารถทรานส์ฟอร์มให้เวทีมวยเป็นพื้นที่ของคนทุกเพศทุกวัย” เขาบอกพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข “สมัยก่อนผมชวนเพื่อนมาดูมวย เพื่อนยังไม่กล้ามาเลย ตอนนี้มีเด็ก ๆ เริ่มเข้ามาแล้ว”

ประธานกรรมการบริหาร GSV บอกว่า การเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ คือ ประสบการณ์การชมมวยที่เร้าใจขึ้น โดย GSV ลงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท เพื่อเปลี่ยนโฉมโดมคอนกรีตขนาดยักษ์ผ่านการสร้าง Immersive Experience

โดยนำเทคโนโลยี Projection Mapping มาสร้างประสบการณ์เสมือนจริงบนทุกตารางนิ้วของโดม เพื่อเร้าอารมณ์และความรู้สึกให้ผู้ชมมีส่วนร่วมกับเรื่องราวตลอดจนเหตุการณ์ต่าง ๆ และถือโอกาสช่วงก้าวสู่ปีที่ 80 ของเวทีมวยแห่งนี้ เพื่อเปิดตัวเทคโนโลยีดังกล่าวสู่สายตาทั่วโลก ในวันที่ 21 ธันวาคม 2567

“ประสบการณ์นี้มีที่เดียวในโลก” แบงค์กล่าวอย่างภูมิใจ

ทั้งนี้ เวทีราชดำเนินจุคนได้สูงสุด 4,000 คน ค่าบัตรเข้าชม ราคาตั้งแต่ 1,500-10,000 บาท

จากวิทยานิพนธ์สู่การบริหารสนามมวย

สำหรับเหตุผลที่เธียรชัยสนใจเข้ามาทำธุรกิจบริหารสนามมวยในช่วงที่ความนิยมในมวยไทยซบเซาลงนั้น เป็นเพราะมีความผูกพันกับกีฬามวยไทยมาตั้งแต่เด็ก

แบงค์-เธียรชัย เป็นลูกชายของ เสี่ยฮุย-สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ โปรโมเตอร์และเจ้าของค่ายมวย “นครหลวงโปรโมชั่น”

“เปิดประตูบ้านมาก็เห็นค่ายมวย เจอพี่ ๆ เตะกระสอบทราย ได้ยินเสียงปัง ๆ แล้วครับ” แบงค์เล่าและว่า ใฝ่ฝันเป็นนักมวยอาชีพ แต่ก้าวไปไม่ถึงระดับนั้น ผ่านการแข่งขันแค่ 3 ไฟต์ก็ต้องยุติเส้นทางที่ใฝ่ฝัน

“คุณพ่อบอกว่า พอเถอะ ผมไม่ได้แข่งขันและพัฒนาร่างกายมาในแบบนักมวยอาชีพ การซ้อมและชกจริงนั้นไม่เหมือนกัน กระดูกคนละเบอร์ครับ”

สิ่งที่น่าสนใจอีกเรื่องของ CEO หนุ่มวัย 37 ปี คือ เมื่อสมัยเรียนปริญญาตรีที่คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขาทำโปรเจ็กต์จบเชิงหลักการทางเศรษฐศาสตร์ เรื่องการพัฒนามวยไทย

“เหมือนพระเจ้าจัดสรร ระหว่างผมกับราชดำเนิน ตอนผมเรียนปี 4 จำได้ว่าตอนนั้นประมาณปี 2553-2554 ผมเดินเข้ามาที่สนามมวยราชดำเนิน เพื่อขอข้อมูลกับคุณจิต เชี่ยวสกุล (นายสนามมวย) เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับตลาดมวยไทย”

10 กว่าปีต่อมา เขานำเอาข้อมูลต่าง ๆ มาอ้างอิงและปรับใช้ในการบริหารเวทีมวยแห่งนี้

“ข้อมูลอาจเปลี่ยน แต่แก่นยังอยู่” ชายผู้เปลี่ยนโฉมสนามมวยแห่งนี้ทิ้งท้าย