9 เบื้องหลัง ภูเขาน้ำแข็ง “หลานม่า”

หลานม่า
ภาพจาก GDH
เรื่อง : Matichon Information Center

“หลานม่า” (How to Make Millions Before Grandma Dies) สร้างประวัติศาสตร์เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ฝ่าด่านหนังต่างประเทศ จำนวน 85 เรื่อง ได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 15 เรื่องที่เข้ารอบรางวัลออสการ์ครั้งที่ 97 สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม (ACADEMY AWARDS / BEST INTERNATIONAL FEATURE FILM SHORTLIST) ซึ่งจะมีการประกาศผลว่าภาพยนตร์ทั้ง 15 เรื่องนี้ เรื่องใดจะเข้ารอบเป็น 5 เรื่องสุดท้าย ในวันที่ 23  มกราคม 2568 เวลา 20.30 น. ส่วนงานประกาศผลผู้ชนะเลิศจะมีขึ้นในวันที่ 2 มีนาคม 2568

แม้รายงานล่าสุด จากเพจ TheWrap ซึ่งครอบคลุมธุรกิจบันเทิงและในฮอลลีวูด คาดการณ์ว่า ตัวเต็ง ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมที่น่าจะเข้ารอบ 5 เรื่องสุดท้าย คือ I’m Still Here (บราซิล), Emilia Pérez (ฝรั่งเศส), The Seed of the Sacred Fig (เยอรมัน), Vermiglio (อิตาลี), Flow (ลัตเวีย) และส่วนที่จับตามองเพิ่ม คือ The Girl with the Needle (เดนมาร์ก), Kneecap (ไอร์แลนด์), From Ground Zero (ปาเลสไตน์) แต่นี่ก็คือโอกาสที่คนไทยจะขอลุ้นสักครั้ง

ภูเขาน้ำแข็ง ละลายน้ำตา

หลานม่า แห่งค่าย GDH ใช้ทุนสร้าง 48 ล้านบาท ทำรายได้กว่า 2,000 ล้านบาท เมื่อออกฉายทั่วโลก ใช้เวลาพัฒนาบท 3 ปี และถ่ายทำ 3 เดือน เรียกน้ำตาผู้ชมท่วมโรง ด้วยการออกแบบที่คิดมาเป็นอย่างดี

หลังจากปรับแก้บทภาพยนต์หลายเวอร์ชั่น เพราะเห็นว่าบทล่าสุดที่ปรับแก้ “ยังเป็นหนังมากเกินไป” สองผู้อำนวยการสร้าง “เก้ง-จิระ มะลิกุล” และ “วัน-วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์” ตัดสินใจให้ทิศทาง (Direction) หนังเรื่องนี้ว่าต้องเรียบง่ายที่สุด โดยการสร้าง “ยอดภูขาน้ำแข็ง”

ทุกเหตุการณ์ที่ใส่เข้าไปเหมือนเหตุการณ์เล็ก ๆ ที่เป็นยอดภูเขาน้ำแข็ง หลาย ๆ ยอด แต่ตัวภูเขาที่จมอยู่ใต้น้ำจะไปกระทบกับคนจำนวนมหาศาล ดังนั้นคนดูจะเริ่มร้องไห้ในซีนที่ไม่เหมือนกัน แล้วแต่ว่าใครมีประสบการณ์ หรือความฝังใจกับเรื่องใดในช่วงชีวิตที่ผ่านมา

เมื่อทำเช่นนี้ เส้นเรื่องจะง่าย ส่วนการหา “ภูเขาน้ำแข็ง” ทั้ง เก้ง วัน และ “เป็ด-ทศพล ทิพย์ทินกร” ผู้เขียนบทก็จะมาแชร์ประสบการณ์กัน ถ้าใครมียอดภูเขาที่ตรงกันก็คัดไว้ เช่น เรื่องเล่นไพ่ที่บ้าน เป็นต้น การสุมหัวเขียนคือการสะสมยอดภูเขาน้ำแข็งแล้วนำมาเรียงกัน

ADVERTISMENT

ผมอยากมีบทของผมเอง

วันหนึ่งในช่วงกลางปี 2563 จิระ และ วรรณฤดี โปรดิวเซอร์ ได้ถาม เป็ด ว่าทำงานมาครบ 10 ปี อยากก้าวหน้าในอาชีพการงานอย่างไรบ้าง คำตอบที่ได้รับ คือ “ผมอยากเป็นนักเขียนบทที่เก่งขึ้น และเขียนเรื่องของตัวเอง” เพราะก่อนหน้านั้นจะเขียนบทจากโจทย์ของโปรดิวเซอร์

หลังจากนั้น 1 เดือน เป็ดส่งเรื่องย่อความยาว 3-4 หน้า จิระ อ่านแล้วนั่งนิ่งคิดถึงคุณยายที่คลองสาน ส่วน วรรณฤดี นั่งร้องไห้หลังอ่านบทย่อจบ จากนั้นทั้งสามซึ่งอยู่ในช่วงกักตัวที่บ้านในช่วงโควิดระบาด ก็ประชุมเขียนบทผ่าน Zoom

ADVERTISMENT

หลานม่า

หนัง 4 เจน

หนึ่งในงานวิเคราะห์หลานม่าที่เขียนได้ลงลึกรอบด้านมาก คือ ข้อเขียนของ “กวินพร เจริญศรี” ในเพจสถาบันปรีดี พนมยงค์ ได้อธิบายประเด็นหลักที่ทั้งโลกต่างตระหนักร่วม ความตอนหนึ่งว่า

“หลานม่า รวมตัวแทนผู้คน 4 Generation คือ B กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2489-2507 (อาม่า), กลุ่ม X ระหว่าง พ.ศ. 2508-2522 (เฮียเคี้ยง นักธุรกิจซื้อขายหุ้นรักครอบครัว กับ แม่จิว พนักงานในซูเปอร์มาร์เก็ตผู้เสียสละ ยอมจำนนต่อโชคชะตา), กลุ่ม Y เกิด พ.ศ. 2523-2540 (กู๋โส่ย ช่างซ่อมบ้านผีพนันสิง) และกลุ่ม Z เกิด พ.ศ. 2541-2565 (เอ็ม ผู้กำลังแสวงหาคุณค่าชีวิต กับ มุ่ย ผู้ชัดเจนแล้วว่าชีวิตที่มีความสุขแท้จริงคือการรักตัวเองให้เป็น) ในความต่างระหว่างเจนเป็นปัญหาที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ”

ผู้กำกับความเทา

เดิม “พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์” ผู้กำกับในวัยย่าง 30 ปี เป็นที่รู้จักในฐานะผู้กำกับเอ็มวี สารคดี ซีรีส์ แนวสะท้อนสังคม ซึ่งเข้าถึงคนเฉพาะกลุ่ม จนคนที่คุ้นเคยออกปากว่า “คุณทำหนังชนะใจ คนหมู่มากไม่ได้” แต่พี่เก้งที่เฝ้าติดตามงานถ่ายภาพของพัฒน์มาตั้งแต่เป็นนิสิต คณะนิเทศศาสตร์ หลักสูตรอินเตอร์จุฬาฯ กลับอยากจะร่วมงานด้วย

จึงชวนให้กำกับเรื่อง “Bad Genius The Series : ฉลาดเกมส์โกง (2020)” ซึ่งเป็นโจทย์ยาก เพราะฉลาดเกมส์โกงเป็นภาพยนตร์ทำไว้ดีมาก แต่เมื่อพี่วันบอกว่า “พัฒน์ มาทำหนังเอ็นเตอร์เทน กัน” คือ จุดพลิกการตัดสินใจ เพราะพัฒน์เชื่อว่านี่คือจุดที่จะให้เขาก้าวข้ามไปได้ ซึ่งได้ผล Bad Genius The Series : ฉลาดเกมส์โกง ผ่านฉลุย ชนะใจแมส จากบททดสอบนี้เอง ทำให้เขาได้กำกับ หลานม่า

สิ่งที่ “พี่เก้ง” เห็นในตัวพัฒน์ นอกจะเป็นการถ่ายภาพ และกำกับภาพที่โดดเด่นแล้ว เขายังมีทักษะในการกำกับนักแสดงให้ออกมาเป็นด้าน “เทา ๆ” คือ ไม่บวก ไม่ลบ เป็นเวลาหลายเดือนก่อนการถ่ายทำจริง พัฒน์ได้จัดเวิร์กช็อปนักแสดงจนงานออกมาได้ลงตัว

หลานม่า

2 นักแสดงหน้าใหม่ผู้สลัดตัวตน

สองผู้แสดงนำคือ “บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล” ที่รับบท เอ็ม และ “อาม่าแต๋ว-อุษา เสมคำ” รับบท อาม่าเหม้งจู เป็นการแสดงที่รับบทนำในภาพยนตร์ครั้งแรก และทั้งคู่ต้องเปลี่ยนตัวเอง

บิวกิ้น เมื่ออ่านบทแล้วรู้ว่าตัวเองต้องปรับลุก เพื่อให้ดูเป็นเด็กติดเกม ตัดผมใหม่ เลือกเสื้อผ้าใหม่ ดีไซน์ท่าทางการเดินใหม่ รวมถึงมุมมองความคิดทุกอย่างให้เป็นตัวละครตัวนี้ให้มากที่สุด จนเมื่อตอนไปถ่ายทำที่ตลาดพลู ไม่มีใครจำได้ ส่วนอาม่าแต๋วเปลี่ยนตัวเองจากคนที่สนุกสนาน เข้ากับใครได้กลายเป็นคนแข็ง เก็บกด บอกรักไม่เป็น อะไรคือรัก ไม่เข้าใจ

(ว่าที่) ทันตแพทย์ เล่น เป็นนางพยาบาล

“มุ่ย” (ลูกพี่ลูกน้องของเอ็ม) รับบทโดย “ตู-ต้นตะวัน ตันติเวชกุล” ปัจจุบันศึกษาอยู่ที่คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มุ่ยถูกกำหนดให้มาแค่ในบางจุดของเรื่องที่สำคัญ แต่ก็ถูกคาดหวังจาก พัฒน์ ผู้กำกับว่า “โผล่มาแค่ซีนเดียว คนต้องเชื่อเลยว่าคนนี้เปลี่ยนผ้าอ้อมมาทุกวัน” จึงถูกส่งไปเรียน ไปซ้อม จนมาถึงวันนั้นเห็นเหงื่อที่ไหล ท่าทางของเขาเกิดจากการที่เขาทำซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเขาทำเป็นจริง ๆ

นอกจากการเป็นพยาบาลแล้ว มุ่ยยังทำ OnlyFan เป็นอีกจ็อบ ฉายภาพหมวยยุคใหม่ ที่ฉีกตัวเองออกจากบทของผู้หญิงเชื้อสายจีนคนอื่น ๆ ในเรื่องที่ยังอยู่ในขนบเดิม ซึ่งเป็นสิ่งที่เอ็มพยายามทำบ้าง ดังบทรีวิวในเพจเดอะการ์เดียน แห่งอังกฤษ

“นี่เป็นภาพยนตร์ที่สร้างความซาบซึ้งกินใจ โดยไม่ลังเลที่จะใช้เสียงเปียโนสะเทือนอารมณ์ในซาวนด์แทร็กเพื่อบอกคุณว่าเมื่อไหร่ควรรู้สึกเศร้า แต่มันก็มีประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับความมั่งคั่งระหว่างรุ่น คนอายุ 20 กว่า ๆ ที่ถูกตัดขาดจากเส้นทางอาชีพที่พ่อแม่ของพวกเขาเคยได้รับ แถมยังและมีเวลาว่างมากกว่าคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ จึงอาจจะหันมาใส่ใจการสร้างความสัมพันธ์กับปู่ย่าตายายที่ร่ำรวยเพื่อได้รับส่วนแบ่งสมบัติ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่เห็นแก่ตัวเสมอไป”

หลานม่า

นักละครบำบัด

“ซิว” ลูกสาวคนกลางของอาม่าเหม้งจู รับบทโดย “ครูเจีย-สฤญรัตน์ โทมัส” เธอเป็นทั้งนักแสดงและนักละครบำบัดที่มีความสามารถหลากหลาย ก่อนหน้านี้มีผลงานการแสดงมากมาย อาทิ “ผีชบา” ในภาพยนตร์ “โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต” (2551), “กระดึบ” (2553), “ฉลาดเกมส์โกง” (2560) และ “ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น”

นอกจากงานแสดง เธอยังเป็นนักละครบำบัดที่มีประสบการณ์กว้างขวาง ทำงานกับคลินิกจิตเวชเด็กและวัยรุ่น สถานคุ้มครองเด็กที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ และศูนย์ช่วยเหลือผู้มีปัญหาการเรียนรู้ในประเทศอังกฤษ ครูเจียยังทำงานในเรือนจำต่าง ๆ และให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวกับนักแสดงและนักร้องที่มีปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคอารมณ์สองขั้ว โรคซึมเศร้า รวมถึงจัดอบรมพัฒนาบุคลากรให้องค์กรต่าง ๆ และสอนการแสดงโดยใช้กระบวนการละครบำบัด

หลานม่า

โมเมนตัมที่อินโดนีเซีย

ด้วยความเชื่อมั่นในธีมที่เป็นสากล หลานม่า ได้ถูกออกแบบตั้งแต่ต้นให้ฉายในต่างประเทศ และเลือก “อินโดนีเซีย” เป็นเป้าหมายแรกในอาเซียน ซึ่งทำรายได้ 171,285 ล้านรูเปียห์ หรือ 375 ล้านบาท นับเป็นรายได้ที่สูงกว่าที่ฉายในประเทศไทย ที่มีรายได้รวม 339 ล้านบาท ส่วนประเทศที่ทำรายได้สูงสุดคือ สาธารณรัฐประชาชนจีน 127.01 ล้านหยวน หรือ 608 ล้านบาท รวมรายได้ทั่วโลกกว่า 2,000 ล้านบาท

โมเมนตัมหนึ่งที่ก่อตัวขึ้นคือการที่ชาวอินโดนีเซีย ชอบเล่นโซเชียลมีเดียมาก หลานม่าแจ้งเกิดด้วยกระแสไวรัลบน TikTok และ Instagram จากคลิปผู้ชมร้องไห้หลังดูหนัง จนกลายเป็นกระแสลามไปในเอเชีย

ความหวังลุ้นรางวัลออสการ์

How to Make Millions Before Grandma Dies หรือ หลานม่า ได้รับการคัดเลือกจากภาพยนตร์ไทย 49 เรื่อง โดยสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ เพื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 97 สาขาภาพยนตร์นานาชาติยอดเยี่ยม

“เป็นหนังที่ครบทุกองค์ประกอบ ทั้งด้านคุณภาพ ทั้งด้านเนื้อหาที่จับใจ ไม่เฉพาะแค่ผู้ชมภาพยนตร์ชาวไทยเท่านั้น แต่ยังสร้างปรากฏการณ์ในอีกหลายพื้นที่ทั่วโลก จึงนับเป็นหนังอีกเรื่องที่สามารถเป็นตัวแทนภาพยนตร์ไทยประจำปี 2567 ในเวทีระดับโลกอย่างออสการ์ได้เป็นอย่างดี” คือคำแถลงของสมาพันธ์

นอกเหนือจากคุณภาพ และเนื้อหาของตัวหนังแล้ว การจะผลักดันสู่พรมแดงออสการ์ ต้องอาศัยความสามารถในการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ เพื่อเอาชนะใจ Academy Members ประมาณ 10,000 คน ที่เริ่มโหวตระหว่างวันที่ 8-12 มกราคม 2568 และจะประกาศผลเรื่องใดจะเข้ารอบเป็น 5 เรื่องสุดท้าย ในวันที่ 23  มกราคม

ทีมงานได้จัดฉายพิเศษหลายรอบเพื่อให้สมาชิกผู้ลงคะแนนได้ชม แม้จะไม่ได้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์มากนัก แต่ได้รับความนิยมจากผู้ชมผ่านการบอกต่อปากต่อปาก โดยเฉพาะการที่ อาม่าแต๋ว ได้ไปปรากฎตัวในรอบฉายพิเศษที่ลอสแองเจลิส ร่วมตอบคำถามผู้ชม ได้สร้างความประทับใจอย่างมาก