ครึ่งปีแรกส่งออกทองคำพุ่ง 179.40% จับตาเงินเฟ้อ-สงครามกระทบ

ราคาทองคำ
Photo by Karim SAHIB / AFP

รมช.พาณิชย์ เผยส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับครึ่งปี 2565 ยังโตต่อเนื่อง ทำได้มูลค่า 8,713.27 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 93.86% ได้แรงหนุนจากการเปิดประเทศ จับตาเงินเฟ้อทั่วโลก ปัญหารัสเซีย-ยูเครน จีน-ไต้หวัน-สหรัฐ แนะผู้ประกอบการหาตลาดเพิ่ม อย่าพึ่งตลาดใดมากเกินไป และมีแหล่งวัตถุดิบที่หลากหลาย

วันที่ 17 สิงหาคม 2565 นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย ในช่วงครึ่งปี 2565 (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่า 8,713.27 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 93.86% หรือคิดเป็นเงินบาท มีมูลค่า 286,091.04 ล้านบาท โดยเป็นสินค้าส่งออกในอันดับที่ 3 คิดเป็นสัดส่วน 5.84% ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย เมื่อหักทองคำออก การส่งออกที่แท้จริงมีมูลค่า 3,851.32 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 39.82% หรือคิดเป็นเงินบาทมูลค่า 127,597.83 ล้านบาท

ปัจจัยที่สนับสนุนการส่งออกให้ขยายตัวต่อเนื่อง มาจากการฟื้นตัวของการบริโภคจากการเปิดประเทศในหลายประเทศทั่วโลก มีการเพิ่มระดับสินค้าคงคลังที่ลดลงไปในช่วงก่อนหน้า ได้อานิสงส์จากเงินบาทอ่อนค่า ที่ช่วยสนับสนุนการส่งออก และตลาดส่งออกสำคัญเพิ่มขึ้น ทั้งสหรัฐ สหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป อินเดีย ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง เป็นต้น ซึ่งส่งผลดีต่อผู้ประกอบการไทยที่จะกลับมาฟื้นตัว หลังเจอภาวะทรงตัวจากผลกระทบของโควิด-19 อยู่กว่า 2 ปี

สำหรับรายละเอียดตลาดส่งออกสำคัญที่ขยายตัว เช่น สหรัฐ เพิ่ม 42.94% อินเดีย เพิ่ม 149.21% ฮ่องกง เพิ่ม 0.90% เยอรมนี เพิ่ม 18.39% สหราชอาณาจักร เพิ่ม 64.64% สวิตเซอร์แลนด์ เพิ่ม 114.05% เบลเยียม เพิ่ม 31.31% สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่ม 21.81% ญี่ปุ่น เพิ่ม 10.96% และอิตาลี เพิ่ม 82.57%
ส่วนสินค้าส่งออกสำคัญที่เพิ่มขึ้น เช่น เพชรเจียระไน เพิ่ม 57.04% เครื่องประดับทอง เพิ่ม 54.17% พลอยเนื้ออ่อนเจียระไน เพิ่ม 53.80% พลอยเนื้อแข็งเจียระไน เพิ่ม 79.31% เครื่องประดับเงิน เพิ่ม 11.46% และเฉพาะทองคำ เพิ่ม 179.40%

นายสินิตย์กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยมีข้อมูลจาก Bain & Company ซึ่งเป็นบริษัทให้คำปรึกษาด้านการจัดการธุรกิจชั้นนำของโลกระบุว่า ยอดขายสินค้าแบรนด์ดังและสินค้าฟุ่มเฟือยทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 5% ในปี 2565 เนื่องจากมีแรงซื้อจากผู้บริโภคในสหรัฐ และยุโรป

แต่ยังต้องจับตาภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกที่ยังทรงตัวในระดับสูง ที่จะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ และปัญหาความขัดแย้งของรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลต่อราคาพลังงานและวัตถุดิบ ความตึงเครียดระหว่างจีน-ไต้หวัน และสหรัฐ ที่ต้องจับตา

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการควรรักษาตลาดเดิมให้เติบโตและหาตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อสูงเพิ่มเติมเข้ามา เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป ควรมีแหล่งวัตถุดิบสำรองหลาย ๆ แห่ง เพื่อเติมเต็มในห่วงโซ่การผลิต การนำฐานข้อมูลลูกค้ามาช่วยในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค รวมทั้งผู้ประกอบการที่มีการกู้ยืมจากต่างประเทศควรระมัดระวังภาระการใช้คืนเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากปัญหาค่าเงินบาทอ่อน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงวันที่ 7-11 ก.ย. 2565 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT ได้เตรียมจัดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ครั้งที่ 67 ณ ชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี มีผู้ประกอบการค้าอัญมณีและเครื่องประดับจากทั่วโลกกว่า 800 บริษัท ร่วมออกบูทกว่า 2,000 คูหา

คาดว่าจะมีผู้เข้าเยี่ยมชมงานกว่า 10,000 ราย สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท โดย GIT ได้เปิดให้บริการตรวจสอบอัญมณีและเครื่องประดับ ณ คูหา A01,03,05 และ B02,04,06 ตลอดระยะเวลาการจัดงาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ที่ต้องการเลือกซื้ออัญมณีและเครื่องประดับอย่างมั่นใจ