คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาปาฐกถาเวที APEC CEO Summit 2022 ย้ำสหรัฐมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ พร้อมหนุนความเป็นหุ้นส่วนอย่างทั่วถึงในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ไม่หายไปไหนจะอยู่นานหลายชั่วอายุคน
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 เวที APEC CEO Summit 2022 ในSESSION 13 นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาปาฐกถาในประเด็นสําคัญ ย้ำถึงพันธสัญญาของสหรัฐฯ ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และความเป็นหุ้นส่วนอย่างทั่วถึงในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเล็ต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
“ในฐานะหนึ่งในสมาชิกของอินโดแปซิฟิก อเมริกามีผลประโยชน์ร่วมกันอย่างลึกซึ้งต่ออนาคตของภูมิภาคนี้ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับภูมิภาคนี้และเป็นหุ้นส่วนกับภาคเอกชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งสองพรรคให้ความสําคัญเป็นอันดับต้น ๆ”
“เรามีความสนใจอย่างยิ่งในการสนับสนุนภูมิภาคที่เสรี เปิดกว้าง เชื่อมโยง มั่งคั่ง และมั่นคง จุดยืนของเราชัดเจน สหรัฐฯ มีพันธสัญญาทางเศรษฐกิจที่ยืนยงต่อภูมิภาคอินโดแปซิฟิก โดยจะคงอยู่ยาวนานไม่เพียงแค่หลายปี แต่จะยาวนานไปอีกหลายทศวรรษและ สหรัฐฯ จะไม่ห่างหายไปไหน ไม่เพียงแค่หลายปีแต่จะยาวนานไปอีกหลายทศวรรษและหลายชั่วอายุคน” นางแฮร์ริสกล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน ได้ริเริ่มแนวทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ หลายประการ หนึ่งในนั้นคือ ยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกของสหรัฐฯ ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ประกาศยุทธศาสตร์ดังกล่าวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565
โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการค้าที่เป็นธรรม ความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน พลังงานที่สะอาด และการต่อต้านคอร์รัปชั่น นอกจากนี้สหรัฐฯ และญี่ปุ่นยังได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการค้าดิจิทัล ซึ่งครอบคลุมกระบวนการทางธุรกิจดิจิทัล อีคอมเมิร์ส และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
นางแฮร์ริสยืนยันว่า สหรัฐฯ จะสนับสนุนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในประเทศกำลังพัฒนา พร้อมกับเรียกร้องให้ภาคเอกชนช่วยกันสร้างความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทาน และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด
“ประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก จะได้รับประโยชน์จาก กฎหมายว่าด้วยชิปส์และวิทยาศาสตร์ (US Chips and Science Act) และกฎหมายว่าด้วยการลดเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) เพราะความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ย่อมส่งผลดีต่อทั้งภูมิภาค” นางแฮร์ริสกล่าวและว่า
รองประธานาธิบดีแฮร์ริสกล่าวด้วยว่า รัฐบาลสหรัฐฯยึดมั่นในความพยายามที่จะเพิ่มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ และการเคลื่อนย้ายทุนอยางเสรี พร้อมกับเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ สร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง
สำหรับมูลค่าการลงทุนต่อปีของบริษัทจากสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
“เศรษฐกิจจะพัฒนาได้เต็มศักยภาพก็ต่อเมื่อทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วม สหรัฐฯ เชื่อว่า [การมีส่วนร่วม] ไม่เพียงเป็นหลักการที่ถูกต้องที่พึงกระทำ แต่ยังทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นไปอย่างเหมาะสม”
“ระหว่างที่เราก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน บริษัทและเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ ในภูมิภาคจะพบว่า สหรัฐฯ เป็นพันธมิตรที่สร้างโอกาสมหาศาลสำหรับการเติบโต เป็นผู้ที่เคารพกฎระเบียบต่าง ๆ และเป็นประเทศที่ช่วยสร้างความมั่งคั่งอย่างทั่วถึง”