สตาร์ทอัพ ARINCARE ผนึก รพ.จุฬารัตน์ – PTG ปิดดีล 4 ล้านเหรียญ

ARINCARE
ARINCARE ปิดดีล Series B มูลค่า 4 ล้านเหรียญ

ARINCARE ปิดดีล Series B มูลค่า 4 ล้านเหรียญ ผนึกกลุ่ม รพ.จุฬารัตน์ – PTG นำเครือข่ายร้านยา 3,000 รายทั่วประเทศ ต่อยอดระบบนิเวศ Health Tech

วันที่ 5 มกราคม 2565 นายธีระ กนกกาญจนรัตน์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรินแคร์ จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มระบบจัดการเภสัชกรรม เปิดเผยว่า บริษัทระดมทุนปิดดีล Series B ผนึกกำลังกับ 2 พาร์ทเนอร์ใหญ่ ด้วยเงินทุนมูลค่า 4,000,000 เหรียญ สหรัฐฯ จากโรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) เป็นผู้ร่วมลงทุนหลัก

รวมทั้งได้เงินทุนสนับสนุนจากบมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG)   เพื่อเป็นแรงเสริมในการขับเคลื่อนสู่การเดินหน้ายกระดับ และต่อยอดระบบนิเวศ Health Tech ไทยตามโรดแมปที่ตั้งไว้ ว่าจะเตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ IPO ในปี 2569

โดยปัจจัยสนันสนุนธุรกิจปัจจุบันมาจากโครงสร้างประชากร ตลาด และนโยบายภาครัฐ ซึ่งปัจจุบันตลาดยาไทยคิดเป็นอันดับ 2 ในอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย จากที่ไทยมีนโยบายส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์ (Medical Hub)

ซึ่งในปี 2565 ไทยมีตลาดยา รวม 1.8-1.9 แสนล้านบาท แบ่งเป็นตลาดยากลุ่มโรงพยาบาล 1.5 แสนล้านบาท ร้านขายยาอีก 36,000 ล้านบาท มีจำนวนร้านขายยา 18,000 ร้าน แบ่งเป็นรายย่อย 80% และแฟรนไชส์อีก 20% มีคนไข้เดินเข้าร้านยา 180 ล้านคันต่อปี นอกจากนี้ยังมีธุรกิจเวชภัณฑ์และเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่เติบโตต่อเนื่อง มูลค่า 2 แสนล้านบาท

“แนวโน้ม 3 ปี ตลาดยาน่าจะเติบโตต่อเนื่องจาก เทรนด์ด้านสุขภาพนับจากเกิดโรคโควิดทำให้คนหันมาใส่ใจการดูแลสุขภาพก่อนที่เกิดโรค (Early Care) มากขึ้น ซึ่งนำมาสู่การเติบโตในกลุ่มเวชภัณฑ์ และซัพพลีเมนท์ต่าง ๆ หากมองถึงตลาดนี้มูลค่ากว่า 2 และยิ่งหลังจากโควิดคลี่คลาย Post Covid ทำให้พฤติกรรมการรักษาพยาบาลเปลี่ยนคนไทยเข้ามาใช้บริการร้านยาผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น

สังคมไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย (Silver Economy) มากขึ้น ทำให้ครัวเรือนต่าง ๆ มีการใช้จ่ายเรื่องสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้ภาครัฐยังได้มีการขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมกให้เกิดการเติบโตของร้านขายยาชุมชน เช่น โครงการร้านยาใกล้บ้าน หรือการให้ผู้ป่วยบัตรทอง 16 อาการเบื้องต้นสามารถรับยาที่ร้านขายยา หรือโครงการที่ช่วยคุมกำเนิดต่าง”

นายธีระกล่วว่า ธุรกิจARINCARE เป็นแพลตฟอร์มที่บริการจัดการร้านขายยาที่ได้มาตรฐาน ISO รายแรก และมีเครือข่ายร้านยาชุมชนมากกว่า 3,000 รายหรือคิดเป็น 20% ของจำนวนร้านขายยา เน้น 3 บริการหลัก คือ การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับร้านยาชุมชน

ทั้งเรื่องเครื่องมือบริหารคลังงาย การเก็บข้อมูลผู้ป่วย การช่วยเภสัชกรบริหารจัดการซัพพลายเชน เชื่อมโยงตั้งแต่ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายและผู้ป่วย และยังมีบริการ Virtual Pharmacy Service ด้วย

“หลังระดมทุนปี  2566  จะเดินหน้าขยายตลาดไปพร้อมกับความร่วมมือกับ CHG มุ่งสร้าง Healthcare ecosystem ที่สมบูรณ์ระหว่างโรงพยาบาลและหน่วยบริการสุขภาพท้องถิ่น เชื่อมโยงไปถึงเภสัชกรรม ในร้านยาชุมชนบนเครือข่าย ARINCARE มากกว่า 3,000 ราย เข้ากับทีมการแพทย์ของ CHG

ซึ่งจะมาช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการดูแลสุขภาพคนในชุมชนได้อย่างครอบคลุม สู่ระบบ Digital Health และยังมีร่วมกับ PTG ซึ่งมีสมาชิก MaxCard มีเครือข่ายที่เข้าถึงผู้บริโภคคนไทยได้มากที่สุด เสริมแกร่งให้กับเภสัชกรและร้าน ชุมชนที่เป็น SME ท้องถิ่นให้เข้มแข็ง เพิ่มการดูแลและบริการด้านสุขภาพให้กับคนไทยผ่าน MaxCardด้วย”

ด้านนพ.กำพล พลัสสินทร์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) กล่าวว่า แนวคิด และทิศทางธุรกิจของ ARINCARE ที่สอดรับกับวิสัยทัศน์ของทาง CHG ทำให้เล็งเห็นถึงโอกาสของการต่อยอด ธุรกิจ ที่มุ่งไปในทิศทางเดียวกัน ในการร่วมสนับสนุนธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพให้เข้าถึงในระดับชุมชน

ต่อยอด การเติบโตระบบนิเวศของ Health Tech ยกระดับปรับโครงสร้างระบบสาธารณสุข ให้มีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางมาก ขึ้นเพื่อโอกาสการเข้าถึงในการดูแลผู้ป่วย ยกระดับบริการแบบไร้ รอยต่อ สู่คุณภาพชีวิตที่ดี

โดยจะนำเทคโนโลยีที่อยู่บนแพลตฟอร์ม ARINCARE โดยเฉพาะระบบ e- prescription ซึ่งเป็นการแชร์ข้อมูลของผู้ป่วยให้กับบุคลากรทางการแพทย์เพื่อการดูแลรักษาที่ต่อเนื่อง โดยการ นำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยประมวลผลการวินิจฉัยให้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อช่วยให้การดูแล ผู้ป่วยในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการรักษาและรับยาได้สะดวกขึ้น

ARINCARE ผนึก รพ.จุฬารัตน์ - PTG 
ARINCARE ผนึก รพ.จุฬารัตน์ – PTG ปิดดีล 4 ล้านเหรียญ รุก Health Tech

ลดปัญหาการใช้ใบสั่งยาที่คลาดเคลื่อน ใบสั่งยาปลอม การแอบนำไปใช้ซ้ำ รวมถึงสามารถติดตามตรวจสอบผลการดูแลรักษาผู้ป่วย ดูประวัติใบสั่งยา ข้อมูลยา ผู้ป่วยได้รับงานง่ายและไม่มีค่า จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม

“หลังโควิดทำให้พฤติกรรมคนไทยเปลี่ยนไปเยอะจากตอนที่ป่วย ทางโรงพยาบาลเริ่มให้บริการคนไข้โดยผ่านระบบ Tele Medical ผ่านระบบ Home Care และฮอสพิเทล ทำให้เรารู้เริ่มมองถึงอนาคตการรักษาที่คนไข้-หมอ แทบจะไม่รู้จักกัน จากตอนแรกที่เรามองว่าแพลตฟอร์ม ARINCARE อาจจะเป็นคู่แข่งเรา ตอนนี้มองว่าต่างฝ่ายต่างมีส่วนเสริมซึ่งกันและกัน

โดยบริการ้านยายังมีจุดอ่อนเรื่องการซักประวัติคนไข้ ซึ่งทางโรงพยาบาลจะมาเสริมสิ่งนี้ ช่วยลดปัญหาการใช้ยา และช่วยในการให้คำปรึกษาทางระบบออนไลน์ และจ่ายยาที่ร้านขายยาไม่สามารถสั่งได้ เป้าหมายเพื่อให้คนไข้ได้รับบริการที่ดีที่สุด และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

โดยเรามองว่าแนวโน้มอีก 10 ปีข้างหน้า จำนวนประชากรที่เกิดและตายในอัตรา 5 แสนคนเท่ากัน นั่นหมายความว่าจำนวนประชากรไทยจะมีอยู่ 67 ล้านคนไปอย่างนี้ แต่สิ่งที่จะเพิ่มขึ้นคือ โรคภัยไข้เจ็บซึ่งจะทำให้มีการใช้ยาเพิ่มขึ้น ”

ทั้งนี้ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ มีตั้งอยู่ใน 6 จังหวัด 14 แห่ง โดยเฉพาะในภาคตะวันออก และเป็นโรงพยาบาลที่ถนัดในเรื่องโรคซับซ้อนอย่างเช่น มีศูนย์ดูแลโรคหัวใจ 3 แห่งใน จ.สมุทรปราการ ระยอง และสิริธร เปิดบริการ 24 ชม. และยังมีศูนย์ดูแลโรคหลอดเลือดในสมองซึ่งมีมาตรฐานเทียบเท่าสากล เป็นโรงพยาบาลที่รับผู้ป่วยประกันสังคมตั้งแต่ปี 2530 มีสมาชิก 40,000 คน และเพิ่มเป็น 5 แสนคนในปัจจุบน

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) เผยว่า การร่วมลงทุนกับ ARINCARE นับเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ เพราะมองถึงโอกาสดีในการร่วมต่อยอดและเดินได้น Health Tech Ecosystem ของไทย และหนึ่งในเป้าหมายของบริษัท ซึ่งมีเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนกำไร EBITDA จากธุรกิจนอนออยล์เพิ่มขึ้น

โดยการขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจใหม่ (New Business) ซึ่งบริษัทมีงบลงทุน 1,000 ล้านบาทในส่วนนี้ โดยจะครอบคลุมถึงการลงทุนสตาร์ทอัพด้วย โดยเรามี MAX. Ventures และศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทเอง เน้นการลงทุนใน 4 กลุ่ม คือ ช่วยสร้างเครือข่ายคอนเนคชั่น สร้างเวลเนท และการพัฒนาโอกาส รวมถึงการเสริมสร้างความสะดวกสบาย

นายพิทักษ์ รัชกิจ
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG)

โดย การรวมกันครั้งนี้  ARINCARE  จะได้รับประโยชน์จากเครือข่ายสมาชิก Max Card 19 ล้านราย มีเป้าหมายปีนี้จะเพิ่มเป็น 21 ล้านรายในปีนี้ ขณะเดียวกันพีทีจะใช้ซอฟต์แวร์ของ ARINCARE ในการบริหารจัดการร้านขายยา ที่ได้ลงทุนไปก่อนหน้านี้ คือ NEXXX Pharma

ซึ่งมีการบริการทั้งจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์ เวชภัณฑ์ และยา จำนวน 2 แห่งนำร่อง และปีนี้จะขยายเพิ่มอีก 8 แห่ง ในกรุงเทพ และปริมณฑลเพราะมีศักยภาพ มีอัตราการจับจ่ายยาคิดเป็น 22% ของตลาดทั้งหมด และต่อยอดด้านการทำตลาดให้กับ Pavitree ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีนวัตกรรมจากปาล์มแดงด้วย

“พีทีจีมองเห็นโอกาสแตกไลน์ต่อยอดธุรกิจและบริการ เสริมศักยภาพให้สถานี PT ทั่วประเทศ จากปั๊มน้ำมันจะเป็น Service Station ให้บริการน้ำมันและบริการอื่นเพื่อสร้างความสุขให้กับคนไทย มีจุดบริการ TOUCH POINT 3,000 จุด ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่า ทุก 2 ตำบลจะต้องมีเรา”

“เรามองว่า ARINCARE เป็นธุรกิจที่ใหญ่กว่าที่นึก ลึกกวาที่คิด ซึ่งวันนี้พีทีจะทำอย่างไรที่จะให้ Mission Impossible ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตรวดเร็วแรง จากทั้งจำนวนประชากรที่จะมีโอกาสต้องใช้ยามากขึ้นในอนาคต ตลาดยาเราใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากอินโดนีเซียทั้งที่เรามีประชากร 67 ล้านคน

อินโดนีเซียมีประชากร 200 ล้านคน เราเห็นโอกาสและขอเป็นส่วนหนึ่งเล็กๆ ในอนาคต ARINCARE จะเติบโตเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  และเป็นยูนิคอร์น”

นอกจากนี้ พีทียังมีแผนขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทย ปี 2564 มี 300 สาขาเพิ่มเป็น 550 สาขาในปี 2565 และปีนี้จะเพิ่มเป็น 1,500 สาขา และยังมีแผนจะขยายการลงทุนศูนย์กระจายสินค้า DC ไปยังทุกๆจังหวัด  มีร้านซ่อมออโตแบต ตอบโจทย์ทุกความต้องการรอบด้านทั้งร้านค้า