ส่อง “สินค้าเกษตร” ปี’66 ปาล์มราคาร่วง-มันสำปะหลังราคาดี

อุดม ศรีสมทรง
คอลัมน์ : สัมภาษณ์พิเศษ

แน่นอนว่าการดูแลราคาสินค้าเกษตรเป็นภารกิจสำคัญที่ส่งผลเชื่อมโยงถึงชีวิตความเป็นอยู่ในประชาชน ฐานหลักของประเทศ ยิ่งปีใดสินค้าเกษตรราคาดี ย่อมจะส่งผลให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้มากขึ้น แต่หากปีใดเกิดปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ไม่เพียงส่งผลต่อฐานะความเป็นอยู่ของชาวบ้าน แต่ยังอาจจะส่งผลต่อความมั่นใจต่อผู้ดำเนินนโยบายนั้นด้วย

“ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “นายอุดม ศรีสมทรง” รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะผู้ได้รับมอบหมายให้ดูแลสินค้าเกษตร ถึงสถานการณ์ร้อน “ราคาปาล์มตก” รับต้นปี

ปาล์มราคาร่วง

จากกระแสการหยุดรับซื้อปาล์มน้ำมันของลานเท ส่งผลให้ราคาผลปาล์มลดลง โดยให้เหตุผลว่า โรงสกัดไม่สามารถรับซื้อได้ เนื่องจากมีสต๊อกปาล์มน้ำมันที่ตกค้าง จากช่วงหยุดยาวในเทศกาลปีใหม่ที่มีการปิดการทำงานหลายวัน น่าเป็นช่วงระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น และก็ไม่ได้อยู่ในทุกพื้นที่ แต่อยู่เฉพาะบางพื้นที่และบางจังหวัดเท่านั้น

“ผมและเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในได้ติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด หลังจากมีการร้องเรียนเข้ามาได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าพื้นที่ที่ประสบปัญหาดังกล่าวนั้นมีเพียงแค่จังหวัดตรัง และกระบี่ ส่วนในพื้นที่ชุมพร สุราษฎร์ธานี ยังมีการรับซื้อผลปาล์มเป็นปกติ ส่วนราคาปาล์มที่รับซื้อเฉลี่ย 4.60-5.00 บาทต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์น้ำมัน”

ผลกระทบไม่มาก

และจากการพูดคุยกับผู้ประกอบการโรงสกัดก็ยังรับซื้อจากเกษตรกรเป็นปกติ แต่จะมีการชะลอการรับซื้อจากลานเทบ้าง เนื่องจากยังมีสต๊อกเดิมค้าง ขณะที่ลานเทก็อาจจะพบปัญหารถขนส่งที่ไปตกค้างที่โรงสกัด ไม่สามารถเข้ามาขนปาล์มน้ำมันออกไปได้ จึงส่งผลให้หน้าลานเทในบางพื้นที่ไม่สามารถรับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรได้ อย่างไรก็ดี เชื่อว่าสถานการณ์การรับซื้อผลปาล์มจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ในช่วงกลางเดือนมกราคม 2566 นี้

ส่วนผลกระทบยังไม่มาก เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ผลผลิตปาล์มออกสู่ตลาดน้อย โดยจะเริ่มออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2566 นี้ ซึ่งคาดว่าจะไม่มีปัญหา และราคาผลปาล์มในช่วงนี้ก็ถือว่าราคาดี ขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศ เฉลี่ยอยู่ที่ 28-31 บาทต่อกิโลกรัม

ส่วนน้ำมันดิบในตลาดมาเลเซีย อยู่ที่ 30 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มขวดในตอนนี้ก็เป็นไปตามกลไกของตลาด และต้นทุนการผลิต ตอนนี้ราคาเฉลี่ยน้ำมันปาล์มขวดอยู่ที่ 46-50 บาทต่อขวด ปัจจุบันไม่ได้มีการกำหนดราคาเพดานให้เคลื่อนไหวตามต้นทุน แต่กรมก็ติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด

ดีมานด์-ซัพพลาย

สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศมีอยู่ที่ประมาณ 3 แสนตัน ส่วนความต้องการบริโภคน้ำมันปาล์มดิบก็ยังอยู่ในภาวะปกติ แบ่งเป็นการบริโภค 1 แสนตันต่อเดือน พลังงาน 1 แสนตันต่อเดือน ส่วนการส่งเสริมการส่งออกขณะนี้ยังไม่มี เพราะสต๊อกและความต้องการใช้ยังอยู่ในภาวะสมดุล

สกัดลักลอบ “นำเข้า”

ขณะเดียวกัน กรมได้ติดตามปัญหาการลักลอบการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ กรมได้ร่วมมือกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ตำรวจทางหลวง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามดูแล และสุ่มตรวจเพื่อดูแลอย่างใกล้ชิด ล่าสุดเมื่อวันที่ 3-6 มกราคม 2566 สามารถจับกุมผู้ลักลอบขนย้ายน้ำมันปาล์มโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมของกลาง 2 ราย ซึ่งก็ส่งดำเนินคดีทันที

“การกระทำลักลอบดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนประกาศ กกร. ฉบับที่ 25 พ.ศ. 2565 เรื่อง การควบคุมการขนย้ายน้ำมันปาล์ม ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 มีความผิดตามมาตรา 25 (7) โทษตามมาตรา 37 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ กรมก็ติดตามผู้ประกอบการที่ไม่ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อด้วย ก็พบผู้กระทำผิด 1 ราย ก็ดำเนินการจับกุมและเปรียบเทียบปรับไป 3,000 บาท”

ทั้งนี้ หากพบพฤติกรรมอันถือว่าเป็นการฉวยโอกาสกดราคารับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยไม่เป็นธรรม หรือทำให้เกิดความปั่นป่วนของตลาด จะดำเนินการตามกฎหมายทันที ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มาตรา 29 มีโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พร้อมกำชับให้กรมการค้าภายใน และพาณิชย์จังหวัดเข้มงวด ตรวจสอบการลักลอบขนสินค้าเกษตร และให้เฝ้าระวังอย่างจริงจังและเข้มงวด โดยหากตรวจพบการฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ให้ดำเนินคดีโดยทันทีอย่างเคร่งครัด

ขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ฉวยโอกาสเอาเปรียบเกษตรกร และหากมีการขนย้ายสินค้าต้องได้รับอนุญาตก่อนทำการขนย้าย หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 หากเกษตรกรรายใดไม่ได้รับความเป็นธรรมในการขายสินค้าเกษตร พบเห็นหรือทราบเบาะแสการเอาเปรียบเกษตรกร สามารถแจ้งที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ

รอ ครม.เคาะประกันรายได้

ส่วนความคืบหน้าของโครงการประกันรายได้ปาล์มน้ำมันและสินค้าอื่น ขณะนี้โครงการประกันรายได้ปาล์ม ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อย และอยู่ระหว่างการเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ หากเห็นชอบก็สามารถดำเนินการโครงการได้ทันที

ส่วนประกันรายได้ยางพารา ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) สำหรับโครงการประกันรายได้ที่ผ่าน ครม.และดำเนินการอยู่ขณะนี้ คือ โครงการประกันรายได้ข้าว ซึ่งได้จ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรไปแล้วทั้งสิ้น 14 งวด

สำหรับโครงการประกันรายได้ปาล์ม ประกันราคาที่ 4 บาทต่อกิโลกรัม เบื้องต้นของบประมาณในโครงการทั้งสิ้น 1,100 ล้านบาท ประกันรายได้มันสำปะหลัง ประกันราคาที่ 2.50 บาทต่อกิโลกรัม ของบประมาณที่ใช้ 4,700 ล้านบาท และประกันรายได้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ประกันราคาที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ของบประมาณที่ใช้ 1,600 ล้านบาท

มันสำปะหลังดี-จับตาผลไม้

ภาพรวมสินค้าเกษตรปีนี้ต้องยอมรับว่า ขณะนี้ราคามันสำปะหลังราคาดี เนื่องจากตลาดมีความต้องการ แต่สิ่งที่กรมจะต้องดำเนินการคือ การส่งเสริมเกษตรกรปลูกมันสะอาด มีคุณภาพ เพื่อการส่งออก ติดตามโรคใบด่าง ส่วนราคาปาล์มกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคาขณะนี้ยังเป็นราคาที่เกษตรกรพอใจอยู่ ส่วนผลไม้ ทุเรียน มังคุด และลำไย ก็เป็นผลผลิตที่ตลาดต่างประเทศมีความต้องการสินค้าไทย ก็ยังไปได้อยู่

ส่วนพืชเกษตรตัวอื่นนั้น กรมก็อยู่ระหว่างการติดตามและวางแผนรองรับเมื่อผลผลิตออก โดยเฉพาะมะม่วง เพื่อป้องกันปัญหาผลผลิตล้นราคาตก จึงได้ประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ติดตาม และหาช่องทางระบายสินค้าให้เกษตรกร เชื่อมโยงผู้ผลิตกับผู้ซื้อ รวมไปถึงมะนาว ซึ่งมักจะมีปัญหาด้านราคาช่วงหน้าร้อน เป็นผลผลิตที่กระทบต่อเกษตรกร ประชาชน แม่ค้า-พ่อค้าด้วย

นอกจากนี้ยังมีพืชผักอื่น ๆ ที่ต้องติดตามทั้งผักใบต่าง ๆ กรมมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ติดตามราคาและผลผลิตให้มีการรายงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หากพบผิดปกติก็จะได้เข้าไปดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาได้ทันที กรมก็พร้อมติดตามและดูแลเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย