ยกระดับป้องกันฝุ่น PM 2.5 จากอ้อยไฟไหม้ กระทรวงทรัพยากรฯผนึกอุตฯเข้ม 6 จังหวัด

อ้อยไฟไหม้

กระทรวงทรัพยากรฯ-กระทรวงอุตสาหกรรม รุกป้องกันฝุ่น PM 2.5 จากอ้อยไฟไหม้ คาดปี’66 มีอ้อยไฟไหม้เข้าหีบในสัดส่วน 30%

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้จัดทำแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ใน 3 พื้นที่ประกอบด้วย พื้นที่ในเมือง พื้นที่ป่า และพื้นที่เกษตรกรรม โดยในช่วงเดือนธันวาคม-เมษายนของทุกปี จะเกิดปัญหา PM 2.5 ในหลายพื้นที่ของประเทศ และเป็นช่วงเวลาที่ตรงกับฤดูเก็บเกี่ยวอ้อยเข้าโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศ

โดยปีนี้คาดว่าผลผลิตอ้อยทั่วประเทศจะเพิ่มขึ้น มีพื้นที่เพาะปลูกอ้อยประมาณ 12 ล้านไร่ และมีจำนวนอ้อยเข้าหีบจำนวนประมาณ 74 ล้านตัน โดยประมาณการว่าจะมีอ้อยไฟไหม้เข้าหีบในสัดส่วนร้อยละ 30

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2564-2566 พบจุดความร้อนในพื้นที่ปลูกอ้อย ประมาณร้อยละ 3-4 ของพื้นที่เพาะปลูกอ้อยทั้งหมดทั่วประเทศ ทำให้การดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้ ยังไม่เป็นไปตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 ซึ่งกำหนดให้ปริมาณอ้อยไฟไหม้เข้าหีบในฤดูการผลิตปี 2565/2566 ไม่เกินร้อยละ 5 และในฤดูการผลิตปี 2566/2567 ปริมาณอ้อยไฟไหม้เข้าหีบต้องเป็น 0 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ

นายปิ่นสักก์กล่าวว่า ตนเองและนายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ประชุมร่วมกับทีมผู้บริหาร คพ. และ สอน. เพื่อหารือแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นไปตามมติ ครม. และยกระดับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จากอ้อยไฟไหม้ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ซึ่ง สอน.ตรวจพบพื้นที่ปลูกอ้อย ที่มีไฟไหม้ ซ้ำซาก ยังคงมีอยู่ในบริเวณรอยต่อระหว่างจังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา และบริเวณรอยต่อจังหวัดขอนแก่น อุดรธานี กาฬสินธุ์และมหาสารคาม และนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้ คพ. แจ้งไปยังจังหวัดดังกล่าวที่มีไฟไหม้ซ้ำซากในพื้นที่ปลูกอ้อย ให้ยกระดับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา PM 2.5 จากอ้อยไฟไหม้อย่างเข้มงวดต่อไป

นอกจากนี้ ในระยะยาว คพ. และ สอน. จะได้ทำงานอย่างใกล้ชิด โดยมีแผนจะร่วมกันจัดทำ After Action Review และจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อยกระดับมาตรการระยะยาวสำหรับเตรียมฤดูกาลเปิดหีบในปีถัดไป โดยจะมีมาตรการที่สำคัญได้แก่ มาตรการส่งเสริมช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยด้วยเทคโนโลยีและ องค์ความรู้ทางวิชาการ ควบคู่ไปกับมาตรการด้านบังคับใช้กฏหมายตามพระราชบัญญัติโรงงาน พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และพระราชบัญญัติการสาธารณสุข นายปิ่นสักก์กล่าว