กกร. เผยราคาสินค้าจ่อขยับขึ้น เจอต้นทุน-ภัยแล้ง ร่อนหนังสือถึงประยุทธ์เร่งแก้

กกร. เผยราคาสินค้าจ่อขยับขึ้นอีก

กกร. คง GDP ปี 2566 โต 3-3.5% ส่งออกยังติดลบ 1-0% ลุ้นครึ่งปีหลังจากตลาดจีน-สหรัฐฟื้น เผยราคาสินค้าจ่อขยับขึ้นอีก จากภาระต้นทุนซ้ำเติมด้วยภัยแล้งปัจจัยเสี่ยง อาจทำราคาอาหารภายในประเทศพุ่ง ร่อนหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเร่งจัดทำแผนรับมือภัยแล้งด่วน 3 ปี เร่งโครงการกักเก็บน้ำให้เสร็จตามแผน พร้อมเปิด 6 ข้อเสนอให้รัฐบาลใหม่ช่วยแก้

วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า จากการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจประเทศหลักอย่างจีนและสหรัฐไตรมาส 1/2566 GDP ทยอยฟื้นตัว จากภาคบริการที่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก ขณะที่ภาคการผลิตซึ่งได้ชะลอตัวตลอดไตรมาสที่ 1 เริ่มปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2 โดยเฉพาะตลาดสหรัฐที่แม้ยังต้องเผชิญกับปัญหาของสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้สร้างผลกระทบต่อภาคธุรกิจและครัวเรือนมากนัก

ดังนั้น สัญญาณการปรับตัวดีขึ้นของภาคการผลิตในตลาดหลัก มีผลต่อภาคการส่งออกไทย ล่าสุดเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวโดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร จึงคาดว่าการส่งออกไทยจะหดตัวในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย. 2566) ก่อน จากนั้นจึงจะกลับมาขยายตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง

ในขณะที่ภาวะต้นทุนยังอยู่ในระดับสูงและอาจปรับตัวลงช้า ราคาในตลาดโลกของสินค้าโภคภัณฑ์ในภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรมยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของประเทศเศรษฐกิจหลัก ยังทรงตัวในระดับสูงและมีแนวโน้มลดลงช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม เนื่องจากการส่งผ่านต้นทุนยังไม่สิ้นสุด

เช่นเดียวกับในกรณีของประเทศไทย ที่ผู้ประกอบการมีแนวโน้มทยอยปรับขึ้นราคาสินค้า เพื่อส่งผ่านภาระต้นทุนต่อไปในระยะข้างหน้า ผลกระทบจากราคาสินค้าและต้นทุนที่มีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง จึงเป็นปัจจัยกดดันภาคธุรกิจและครัวเรือนต่อไป ทั้งนี้ต้องจับตาความเสี่ยงจากภาวะภัยแล้ง ที่อาจเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า ที่อาจซ้ำเติมราคาอาหารภายในประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูง

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากภาคการท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวมีโอกาสแตะระดับ 30 ล้านคน ในปี 2566 ซึ่งสูงกว่าประมาณการเดิม โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลังจะเพิ่มมากขึ้น และเป็นปัจจัยสนับสนุนทำให้ GDP ในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตได้มากกว่าครึ่งปีแรก
ดังนั้น กกร. จึงประมาณการเศรษฐกิจปี 2566 (ณ พ.ค. 2566) ไว้ในกรอบเดิม โดยคาดว่า GDP จะโต 3-3.5% ส่งออก ติดลบ 1-0% เงินเฟ้ออยู่ในกรอบ 2.7-3.2%

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ในวันที่ 14 พ.ค. 2566 จะมีการเลือกตั้งรัฐบาลชุดใหม่ หลายพรรคการเมืองอยู่ระหว่างการหาเสียง ซึ่ง กกร. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการดำเนินนโยบายเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และเสริมเสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งจะเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคตอย่างยั่นยืน

กกร. จึงได้จัดทำข้อเสนอต่อพรรคการเมือง เพื่อให้ทราบถึงความต้องการของภาคเอกชน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและแก้ปัญหาในการดำเนินธุรกิจ โดยมี 6 ประเด็นหลัก คือ

1.ด้าน Competitiveness เช่น การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน

2.ด้าน Ease of Doing Business เช่น ปฏิรูปกฎหมายที่ล้าสมัยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเร่งปรับปรุงกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติอนุญาตภาครัฐ และที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ

3.ด้าน Digital Transformation เช่น ส่งเสริมการเป็น Technology hub ของประเทศไทย เพื่อให้เป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีซึ่งจะมีโอกาสสูงที่จะดึงเอาเม็ดเงินและทุนระดับโลกเข้าสู่ประเทศไทย

4.ด้าน Human Development เช่น การเพิ่มผลิตภาพแรงงาน (Labor Productivity) ควรกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ มีการสนับสนุนระบบการจ่ายค่าจ้างแรงงานตามทักษะฝีมือ (Pay by Skill) ยกระดับมาตรฐานฝีมือแรงงานให้ได้มาตรฐานสากล และแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานไทยและต่างด้าว

5.ด้าน SMEs เช่น สนับสนุนให้มีมาตรการช่วยเหลือกลุ่ม SMEs ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และเร่งการปรับโครงสร้างหนี้ และจัดตั้งกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ

6.ด้าน Sustainability เช่น ขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ BCG และการจัดทำแผนรองรับปัญหาการขาดแคลนอาหาร (Food Security) แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน ยกระดับมาตรการทั้งก่อน ขณะ และหลังเป็นหนี้ เน้นการมีวินัยด้านเครดิต และการเสริมความรู้ด้านการเงิน (Financial Literacy)

ทั้งนี้ กกร. มีความกังวลต่อความเสี่ยงภัยแล้งที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคตะวันออก ซึ่งมีสาเหตุเกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่มีโอกาสเกิดขึ้นในช่วงเดือน ก.ค. 2566 และอาจรุนแรงติดต่อกันมากถึง 3 ปี ปรากฏการณ์เอลนีโญในครั้งนี้ จะทำให้เกิดคลื่นความร้อนและภัยแล้งเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะปริมาณน้ำฝนที่คาดว่าจะมีปริมาณลดลง และทำให้ปริมาณน้ำเก็บกักในอ่างเก็บน้ำในภาคตะวันออกไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำของทุกภาคส่วน

ดังนั้น กกร. จึงเห็นควรให้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีขอให้พิจารณาสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำแผนรับมือสถานการณ์ภัยแล้งระยะเร่งด่วน 3 ปี และระยะยาว เพื่อเร่งวางมาตรการรับมือภัยแล้ง และเร่งรัดโครงการพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำภาคตะวันออกให้แล้วเสร็จตามแผน เช่น โครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จังหวัดจันทบุรี เป็นต้น