
ลุ้น กกพ. ประชุม ก.ค.นี้ เคาะลดค่าไฟ ก.ย.-ธ.ค. 66 ลดลงอย่างน้อย 20 สตางค์ต่อหน่วย จากต้นทุนแอลเอ็นจีตลาดโลกลดลง ส่งเงินคืน กฟผ. งวดละ 2 หมื่นล้านบาท
วันที่ 23 มิถุนายน 2566 นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2566 เบื้องต้นจะลดลงได้ไม่ต่ำกว่า 20 สตางค์ต่อหน่วย จากค่าไฟเฉลี่ยที่เรียกเก็บจากประชาชนปัจจุบันอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย แต่จะลดได้มากกว่านี้อีกหรือไม่อย่างไร ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบอร์ด กกพ.ที่จะสรุปขั้นสุดท้ายภายในเดือน ก.ค.นี้ เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนต่อไป
“ปัจจัยหลักที่ทำให้ค่าไฟปรับลดลง มาจากราคาก๊าซธรรมชาติและก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ที่ลดลง ซึ่งได้รวมการใช้หนี้คืนแก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ประมาณงวดละ 2 หมื่นล้านบาท จากที่ กฟผ.รับภาระต้นทุนค่าไฟฟ้าให้ระบบ เพื่อชะลอการกระชากขึ้นของค่าไฟฟ้าในงวดที่ผ่าน ๆ มารวมกว่า 1.3 แสนล้านบาทไปแล้ว”

ส่วนกรณีที่มีความกังวลค่าไฟฟ้างวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2567 อาจกลับขึ้นมาอีก จากแนวโน้มต้นทุนนำเข้าแอลเอ็นจีมีราคาเพิ่มขึ้นตามสภาพอากาศของยุโรป ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยปี 2567 ทั้งปีจะสามารถต่ำกว่า 4 บาทต่อหน่วยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับราคาแอลเอ็นจีว่าจะลดลงหรือไม่ เพราะปริมาณก๊าซในอ่าวไทยและเมียนมาลดลง ไทยยังคงต้องพึ่งการนำเข้าแอลเอ็นจีเป็นหลัก
โดยประมาณการต้นทุนค่าเอฟทีเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2566 ที่ได้รับจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะเห็นว่าราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ตลาดจร เฉลี่ยอยู่ที่ 13.295 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู และราคา POOL GAS รวมระหว่างก๊าซอ่าวไทย เมียนมา และแอลเอ็นจีจะอยู่ที่ราว 343 บาทต่อล้านบีทียู
ขณะที่ปริมาณก๊าซในอ่าวไทยโดยเฉพาะแหล่งเอราวัณ (จี1/61) คาดว่าปริมาณเพิ่มจะขึ้นจากกำลังการผลิตเดือน ก.ค. 2566 ที่ราว 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 200 ล้านลูกบาศกก์ฟุตต่อวัน และช่วงสิ้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 588 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ประกอบกับความต้องการปริมาณการใช้ไฟฟ้าของประเทศเพิ่มขึ้นตามธุรกิจการท่องเที่ยว และต้องพิจารณาถึงเงินบาทที่อ่อนค่าลงอยู่ที่ประมาณ 34.79 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ต้นทุนค่าไฟมีแนวโน้มพุ่งขึ้น
ในส่วนของการช่วยเหลือค่าไฟกลุ่มเปราะบางที่ให้ส่วนลดสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300-500 หน่วยต่อเดือนจะต่ออายุหรือไม่นั้น เรื่องนี้ ไม่ใช่อำนาจของ กกพ. เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งหากพิจารณาว่ามีความจำเป็นแต่เป็นช่วงรอยต่อรัฐบาล ก็สามารถเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาได้
อย่างไรก็ตาม กรณีที่พรรคก้าวไกลหาเสียงไว้ว่า อยากเห็นค่าไฟฟ้าลดลงไม่ต่ำกว่า 70 สตางค์ต่อหน่วยนั้น ส่วนตัวเห็นว่าหากจะดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว ต้องปรับโครงสร้างราคาก๊าซทั้งระบบ นำเรื่องแอลเอ็นจีมาอยู่ใน POOL GAS ทั้งหมด เพราะในอนาคตไทยต้องพึ่งพาก๊าซส่วนนี้มากขึ้น ส่วนหลักเกณฑ์อัตราค่าไฟฟ้าสีเขียว (ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานทดแทน) คาดว่าจะประกาศใช้ได้ประมาณเดือน ส.ค.-ก.ย. 2566