ราคาน้ำมันดิบ (14 ก.ค. 66) ปรับเพิ่ม หลังอัตราเงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัวลง

ราคาน้ำมันดิบ
Photo by ANDER GILLENEA / AFP

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มมากกว่า 1% แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน หลังอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐชะลอตัวลง

วันที่ 14 กรกฎาคม 2566 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ดังนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มมากกว่า 1% แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน หลังตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐต่ำกว่าคาด ทั้งนี้ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในปีนี้ ก่อนยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสเมื่อ 13 ก.ค. 2566 อยู่ที่ 76.89 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +1.14 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 81.36 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +1.25 เหรียญสหรัฐ

ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุน จากการหยุดผลิตน้ำมันดิบในประเทศลิเบีย เพื่อประท้วงต่อต้านการลักพาตัวนาย Faraj Bumatari อดีตรัฐมนตรีการคลัง โดยการประท้วงจะดำเนินต่อไป จนกว่าจะมีการปล่อยตัวนาย Faraj Bumatari ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบที่ผลิตจากลิเบีย หายไปอย่างน้อย 3.7 แสนบาร์เรลต่อวัน

รายงานประจำเดือน ก.ค. 66 ของกลุ่มโอเปก (OPEC) เผยตัวเลขอุปสงค์น้ำมันโลกในช่วงครึ่งปีหลัง จะปรับเพิ่มขึ้น 2.44 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนที่แล้วถึง 9 หมื่นบาร์เรลต่อวัน โดยอุปสงค์หลักมาจากจีนและอินเดีย ที่ยังมีอัตราการใช้น้ำมันอยู่ในระดับสูง

นาย Craig Erlam นักวิเคราะห์อาวุโส เผยว่าราคาน้ำมันดิบปรับสูงขึ้นถึง 11% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นผลมาจากซาอุดีอาระเบีย ที่ขยายการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ออกไปจนถึงเดือน ส.ค. 66 และรัสเซียที่จะลดการส่งออกน้ำมันดิบ 5 แสนบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ส.ค. 66 นี้เช่นกัน

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์น้ำมันเบนซินของอินโดนีเซียปรับสูงขึ้น ทั้งนี้ ราคายังได้รับแรงหนุน จากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐที่ปรับลดลง 4 พันบาร์เรลมาแตะที่ระดับ 219.452 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์น้ำมันดีเซลของเวียดนามเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขการส่งออกน้ำมันดีเซลที่สูงขึ้นจากจีน