
ส.อาหารสัตว์ ชี้ปัญหารัสเซียไม่ต่ออายุข้อตกลงเปิดทางทะเลดำให้ยูเครน 3 วัน ดันราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ขึ้นทันที 10% หวั่นแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ ราคาหมู-ไก่ ไม่ดี ชะลอคำสั่งซื้อลง โอกาสอีก 2 เดือนผู้ผลิตอาหารสัตว์ลดกำลังการผลิตลง
วันที่ 21 กรกฎาคม 2566 นายสมภพ เอื้อทรงธรรม เลขาธิการสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย เปิดเผยถึงกรณีที่รัสเซียไม่ต่ออายุข้อตกลงเปิดทางทะเลดำเพื่อให้ขนส่งธัญพืชออกจากยูเครนได้อย่างปลอดภัย (Black Sea Grain Initiatives) เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา ทำให้จำนวนการขนส่งธัญพืชออกจากยูเครนจะลดน้อยลง และส่งผลให้ราคาอาหารสัตว์และอาหารคนมีแนวโน้มสูงขึ้นว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับตัวสูงขึ้นทันที 10% จากราคาก่อนหน้านี้ข้าวสาลีอยู่ที่ 260 เหรียญสหรัฐต่อตัน ปัจจุบันขึ้นมาอยู่ที่ 285 เหรียญต่อตัน จากนี้ยังต้องติดตามว่าราคาจะมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อเนื่องหรือไม่
ยูเครนถือว่าเป็นแหล่งส่งออกข้าวสาลี 1 ใน 5 ของโลก นอกจาก สหรัฐ รัสเซีย ออสเตรเลีย เป็นต้น โดยปี 2565 ที่ผ่านมา ประเทศไทยนำเข้าข้าวสาลีจากออสเตรเลีย ประมาณ 300,000 ตัน ถือว่าเป็นการนำเข้าน้อยที่สุด ทั้งนี้ เป็นผลมาจากราคาที่สูงขึ้น และสถานการณ์ของสงครามทำให้ไทยมีการชะลอนำเข้า เพราะโดยปกติประเทศไทยจะนำเข้าเฉลี่ยปีละกว่า 1.2 ล้านตัน
สำหรับการนำเข้าข้าวสาลี 5 เดือนแรกของปี 2566 พบว่าไทยนำเข้าข้าวสาลีมาแล้วกว่า 900,000 ตัน และคาดว่าทั้งปีจะนำเข้ามาประมาณ 1.8 ล้านตัน โดยประเทศที่นำเข้ายังคงเป็นออสเตรเลีย และมีนำเข้าจากยูเครนและประเทศอื่น ๆ บ้าง และจากสถานการณ์ปัญหาระหว่างรัสเซียกับยูเครน และทำให้มีการไม่ต่ออายุข้อตกลงเปิดทางทะเลดำเพื่อให้ขนส่ง ซึ่งส่งผลทำให้การส่งออกธัญพืชจากยูเครนผ่านเส้นทางดังกล่าวไม่สามารถทำได้ ทำให้ยูเครนอาจจะใช้เส้นทางอื่นเพื่อการส่งออก โดยจะทำให้ราคาต้นทุนทั้งค่าขนส่งและวัตถุดิบอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น
“ราคาข้าวสาลีในตอนนี้ ราคาภายในประเทศอยู่ที่ 11 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปรับลดราคาลงมาอยู่ที่ 11.20 บาทต่อกิโลกรัม จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ 12.20 บาทต่อกิโลกรัม”
นายสมภพกล่าวอีกว่า จากสถานการณ์ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับราคาหมู ไก่ไม่ดี การนำเข้าสินค้าในช่วงไตรมาส 2 ชะลอตัวลง ทั้งนี้เป็นเพราะปีที่ผ่านมามีการเร่งนำเข้าอย่างต่อเนื่อง จากปัญหาสงครามซึ่งทำให้กังวลว่าจะทำให้ขาดแคลนอาหาร ยังเป็นผลจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์สูงขึ้น ทำให้ผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่หลายบริษัทขาดทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมผู้ผลิตอาหารสัตว์รายย่อย
โดยเชื่อว่าจากสถานการณ์เหล่านี้จะยังคงมีต่อเนื่อง และอีก 2 เดือนข้างหน้าผู้ผลิตอาหารสัตว์มีโอกาสที่จะลดกำลังการผลิตลง เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องของราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ และการขนส่งที่จะไม่สามารถนำเข้าได้ แต่ทั้งนี้ ก็ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะปัญหารัสเซีย-ยูเครนจะทำให้เกิดความต้องการนำเข้าอาหารหรือสินค้ามากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2566
ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่เหนื่อยของธุรกิจอาหารสัตว์ เพราะต้องยอมรับว่ามาตรการ 3:1 ยังเป็นอุปสรรคในการนำเข้าวัตถุดิบ หากเป็นไปได้อยากจะให้มีการพิจารณายกเลิก ขณะที่การนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สามารถให้นำเข้าได้ในช่วงเดือน 2 ถึงเดือน 8 โดยนำเข้าจากประเทศเมียนมา ส่วนราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศก็ยังถือว่ามีราคาสูงเมื่อเทียบกับราคาในตลาดโลก ซึ่งปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 6-7 บาทต่อกิโลกรัม
ราคาวัตถุดิบ
รายงานข้อมูลจาก CPF ช่วงวันที่ 10-14 กรกฎาคม 2566 ระบุ
ข้าวโพด : ราคาลดลง
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ณ ไซโลโรงงานอาหารสัตว์ ราคาลดลงจากหาบละ 726 บาท เป็นหาบละ 705 บาท (11.75 บาทต่อกิโลกรัม) เนื่องจากผลผลิตเริ่มออกในบางพื้นที่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้น 30% ที่เกษตรกรขายได้ลดลงที่ 8.10 บาทต่อกิโลกรัม
ด้านตลาดซื้อขายสินค้าล่วงหน้าชิคาโก ประจำวันที่ 14 กรกฎาคม 2566 ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รอบส่งมอบเดือนธันวาคม 2566 ราคาปิดที่ 5.136 ดอลลาร์/บุชเชล (เทียบเท่า 6.963 บาทต่อกิโลกรัม ณ THB 34.44/USD) สัญญาข้าวโพดปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไร หลังจากราคาร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง
นอกจากนี้ การร่วงลงของดอลลาร์หนุนสัญญาธัญพืชปรับตัวขึ้นด้วย โดยดอลลาร์ที่อ่อนค่าทำให้ราคาสินค้าเกษตรถูกลงและดึงดูดแรงซื้อจากผู้ถือสกุลเงินอื่น ๆ ทั่วโลก โดยดอลลาร์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2565 จากความหวังที่ว่าเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงในสหรัฐ จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากเดือนนี้
แนวโน้ม : คาดว่าราคาข้าวโพดในประเทศน่าจะทรงตัว
ข้าวสาลี : ราคาเพิ่มขึ้น
ตลาดซื้อขายล่วงหน้าชิคาโก ประจำวันที่ 14 กรกฎาคม 2566 ข้าวสาลีรอบส่งมอบเดือนกันยายน 2566 ราคาปิดอยู่ที่ 6.614 ดอลลาร์/บุชเชล (+21.6 (+3.40%)) (เทียบเท่า 8.369 บาทต่อกิโลกรัม ณ THB34.44/USD)
กากถั่วเหลือง : ราคาทรงตัว
กากถั่วเหลืองจากเมล็ดถั่วเหลืองนำเข้า ราคารับหน้าโรงผลิต ทรงตัวที่กิโลกรัมละ 21.80 บาท ในฝั่งสหรัฐอเมริกาคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำฝนมากขึ้น ทำให้สภาวะอากาศส่งผลดีต่อการเพาะปลูก และกระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) รายงานคาดการณ์ผลผลิตลดลงเล็กน้อย แต่ไม่มากอย่างที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทำให้ตลาดคลายความกังวลในด้านผลผลิต ส่วนปริมาณซื้อในตลาดยังคงทรงตัว
ด้านตลาดซื้อขายสินค้าล่วงหน้าชิคาโก ประจำวันที่ 14 กรกฎาคม 2566 เมล็ดถั่วเหลืองรอบส่งมอบเดือนพฤศจิกายน 2566 ปิดที่ระดับ 13.70 ดอลลาร์/บุชเชล (เทียบเท่า 17.336 บาทต่อกิโลกรัม ณ THB 34.44/USD) สัญญาถั่วเหลืองปรับตัวขึ้น 3% เนื่องจากเทรดเดอร์มุ่งความสนใจไปที่สภาพอากาศที่ไม่แน่นอนและความวิตกเกี่ยวกับปริมาณผลผลิต
ด้านตลาดซื้อขายสินค้าล่วงหน้าชิคาโก ประจำวันที่ 14 กรกฎาคม 2566 กากถั่วเหลืองรอบส่งมอบเดือนพฤศจิกายน 2566 ปิดที่ระดับ 401.0 ดอลลาร์/บุชเชล +1.1 ดอลลาร์ (+0.28%) (เทียบเท่า 15.191 บาทต่อกิโลกรัม ณ THB 34.44/USD)
แนวโน้ม : คาดว่าราคาถั่วเหลืองนำเข้าน่าจะทรงตัว
ปลาป่น : ราคาทรงตัว
ประเทศเปรูยังคงไม่มีข่าวว่าจะกลับไปเริ่มจับปลาอีกครั้ง ด้านราคาซื้อปลาป่นในประเทศจีนยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปริมาณซื้อหน้าท่าเรือที่ปรับขึ้นตาม จากความกังวลว่าจะมีสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ และสต๊อกหน้าท่าเรือลดลงต่อเนื่อง
สถานการณ์ราคาปลาป่นในประเทศ ปลาป่นเกรดกุ้ง ยืนราคาที่กิโลกรัมละ 59.00 บาท ส่วนปลาป่นเบอร์ 1 เกรดที่สูงกว่า 60 โปรตีนขึ้นไป ทรงตัวที่กิโลกรัมละ 53.70 บาท และปลาป่นเกรดที่ต่ำกว่า 60 โปรตีน ทรงตัวที่กิโลกรัมละ 50.70 บาท
สำหรับปลาป่นคุณภาพรองลงมา ปลาป่นเบอร์ 2 ชนิดที่มีโปรตีนสูงกว่า 60 โปรตีนขึ้นไป ทรงตัวที่กิโลกรัมละ 50.20 บาท ส่วนปลาป่นเบอร์ 2 ชนิดที่มีโปรตีนสูงกว่า 56 แต่ไม่เกิน 60 โปรตีน ยืนราคาที่กิโลกรัมละ 48.70 บาท
แนวโน้ม : คาดว่าราคาปลาป่นน่าจะปรับตัวสูงขึ้น
ข้าว : ราคาทรงตัว
ตลาดซื้อขายข้าวต่างประเทศสัปดาห์นี้ราคาเพิ่มขึ้น ข้าวขาว 100% ชั้น 2 ส่งออกท่าเรือกรุงเทพ เอฟ.โอ.บี. ราคาทรงตัวที่ตันละ 549 เหรียญสหรัฐ ส่วนปลายข้าว เอ.วัน.พิเศษ ส่งออก เอฟ.โอ.บี. ยืนราคาที่ตันละ 438 เหรียญสหรัฐ
ด้านตลาดซื้อขายข้าวในประเทศราคาเพิ่มขึ้น โดยข้าวขาว 100% ชั้น 2 ราคาทรงตัวที่กระสอบละ 1,750 บาท ส่วนปลายข้าว เอ.วัน.พิเศษ ณ โรงงานอาหารสัตว์ ยืนราคาที่กระสอบละ 1,370 บาท
แนวโน้ม : คาดว่าราคาข้าวน่าจะทรงตัว
ราคาหมู-ไก่
สุกร : ราคาลดลง
สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ รายงานข้อมูลสภาวะตลาดสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม อยู่ที่ 62-74 บาทต่อกิโลกรัม ด้านลูกสุกรน้ำหนัก 16 กิโลกรัมต่อตัว ราคาอยู่ที่ 1,400 บาท (บวก/ลบ 62)
ความต้องการบริโภคอยู่ในระดับสูง ขณะที่ราคาสุกรหลายภูมิภาคราคาทรงตัว
แนวโน้ม : คาดว่าราคาสุกรน่าจะทรงตัว
ไก่เนื้อ : ราคาทรงตัว
ราคาแนะนำไก่เนื้อมีชีวิต ณ หน้าฟาร์ม จากสมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อ อยู่ที่กิโลกรัมละ 40 บาท ด้านลูกไก่เนื้อ ราคาตัวละ 15.50 บาท และลูกไก่ไข่ ราคาตัวละ 28.00 บาท
แนวโน้ม : คาดว่าราคาไก่เนื้อน่าจะทรงตัว
ไข่ไก่ : ราคาทรงตัว
เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ประกาศแจ้ง ปรับราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มขึ้น 20 สตางค์/ฟอง จากฟองละ 3.80 บาท เป็นฟองละ 4.00 บาท โดยมีผลตั้งแต่วันนี้ (14 กรกฎาคม 2566) เป็นต้นไป
แนวโน้ม : คาดว่าราคาไข่ไก่น่าจะทรงตัว