แง้มชงแนวทางน้ำมัน-ค่าไฟลดแล้ว สกนช.ชู 2 ทางเลือก ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลง ช่วยลดภาระกองทุน-ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กกพ.ชี้ชะลอคืนหนี้ กฟผ.ออกไป ค่าไฟฟ้างวดสุดท้ายปีนี้ เหลือ 4.10-4.15 บาทต่อหน่วย แต่หากชะลอหนี้ไม่ได้ ต้องใช้งบประมาณอุดหนุน 1.5 หมื่นล้านบาท
วันที่ 5 กันยายน 2566 รายงานข่าวแจ้งว่า สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เตรียมเสนอแนวทางการลดราคาพลังงานให้รัฐบาลใหม่ 2 แนวทาง คือ การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลง เพื่อช่วยลดภาระกองทุน และการใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ยังมีวงเงินกู้เหลืออีกกว่า 5.5 หมื่นล้านบาท ที่สามารถนำมาใช้อุดหนุนราคาได้ เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกค่อนข้างผันผวน ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 115 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
“เบื้องต้นคงต้องรับฟังแนวทางการดำเนินนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลใหม่ก่อนว่าจะลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงแค่ดีเซล หรือเบนซิน หากจะให้ลดราคาน้ำมันทั้ง 2 ชนิด จำเป็นต้องใช้ 2 แนวทางเข้ามาอุดหนุนราคา ส่วนการลดค่าการตลาด เห็นว่าจะเป็นแนวทางที่ทำได้ยาก เนื่องจากปัจจุบันค่าการตลาดอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ และถือว่าอยู่ในกรอบที่กองทุนกำหนดไว้ไม่เกิน 2 บาทต่อลิตร บวกลบได้ประมาณ 40 สตางค์ต่อลิตร”
ปัจจุบันสถานะกองทุน ณ วันที่ 3 ก.ย. 2566 ติดลบ 57,132 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 12,390 ล้านบาท และบัญชีก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) หรือก๊าซหุงต้มติดลบ 44,742 ล้านบาท
ในส่วนของแนวทางการลดค่าไฟฟ้านั้น ล่าสุดรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการพลังงาน (กกพ.) ระบุว่า หากคำนวณต้นทุนค่าไฟฟ้าทั้งหมด และหากรัฐบาลเจรจากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ชะลอคืนหนี้ออกไป ค่าไฟฟ้างวดสุดท้ายของปีนี้ (ก.ย.-ธ.ค. 2566) จะอยู่ที่ 4.10-4.15 บาทต่อหน่วย แต่หากชะลอหนี้ไม่ได้ รัฐบาลต้องใช้งบประมาณเข้ามาอุดหนุนอย่างน้อย 15,000 ล้านบาท ทำให้ค่าไฟเหลือ 4.25 บาทต่อหน่วย จากปัจจุบันเรียกเก็บอยู่ที่ 4.45 บาทต่อหน่วย ตามมติ กกพ.