เปิดชุดนโยบาย “ธรรมนัส” ประกาศสงครามเอลนีโญ-หมูเถื่อน เร่งแก้หนี้เกษตรกร

เปิดชุดนโยบาย “ธรรมนัส” พ่วง 2 รมช.เกษตร ลุยแก้หนี้เกษตรกร ประกาศสงครามกับเอลนีโญ-หมูเถื่อน บริการประชาชนภาคเกษตร ปัดฝุ่นมิสเตอร์สินค้าเกษตร ปั้นแบรนด์สินค้าท้องถิ่น ปั๊มรายได้เกษตร

วันที่ 13 กันยายน 2566 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประชุมมอบนโยบายข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีใจความสำคัญระบุว่า ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ภายใต้การนำของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ตามที่ได้แถลงต่อรัฐสภาเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา จะมุ่งเน้นการทำงานในรูปแบบของครอบครัวเกษตร โดยมีการบูรณาการการทั้ง 22 หน่วยงาน

โดยนโยบายระยะสั้นซึ่งเป็นนโยบายเฉพาะหน้าเร่งด่วน รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาด้วยการพักชำระหนี้เกษตรกร ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ได้มีการมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานคณะกรรมการแก้ปัญหาหนี้สินของเกษตรกร

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า

ตั้งศูนย์บริการประชาชนภาคเกษตร

ร้อยเอกธรรมนัสกล่าวว่า สิ่งที่ผมต้องการให้ทำทันที คือ การตั้งศูนย์บริการประชาชนภาคเกษตร เช่น สมัยพ่อขุนรามคำแหงจะมีกระดิ่งให้ประชาชนมาเคาะร้องเรียนว่าเดือดร้อนเรื่องอะไร บริการนี้ก็จะมีหน้าที่มานั่งคุยกันว่าเกษตรกรมีปัญหาเดือดร้อนเรื่องอะไรอะไรเป็นปัญหาที่จะต้องเร่งแก้ไขในแต่ละอำเภอแต่ละจังหวัด ต้องมีการรับเรื่องและรายงานเข้ามาที่ศูนย์

“โครงสร้าง 77 จังหวัด เราเหมือนพีระมิด คนที่อยู่บนยอดพีรามิด จะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ ภาคเอกชนนักธุรกิจข้าราชการระดับสูง มีฐานรากอีก 70% ที่เป็นเกษตรกรผู้ใช้แรงงานภาคเกษตร คนชรา ผู้ด้อยโอกาส นโยบายเราจะให้ขัยเคลื่อนส่วน 70% เพราะข้างบนจะไม่มีวันแข็งแรงได้ ถ้าฐานล่างไม่แข็งแกร่ง ผมทั้ง 3 คนจะมาขับเคลื่อน 22 ส่วนราชการในกระทรวงเกษตร ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของประเทศ เพราะหากอวัยวะอื่นเจ็บยังสามารถที่จะรักษาได้แต่ถ้ากระดูกสันหลังมีปัญหาก็จะต้องนอนเป็นเจ้าหญิงหรทอเจ้าชายนิทรา”

Advertisment

ขณะที่นโยบายระยะกลางและระยะยาว มีเป้าหมายในการสร้าง โอกาสให้กับเกษตรกรได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  จากเดิมได้ใช้หลักการเรื่องการตลาดนำนวัตกรรมเสริมเพิ่มรายได้ และแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคที่เป็นภัยคุกคามต่อคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ที่เกิดโดยธรรมชาติ หรือเกิดจากมนุษย์

ประกาศสงครามเอลนีโญ-สินค้าเถื่อน

“ผมจะขอประกาศสงครามกับภัยธรรมชาติจากปรากฏการณ์เอลนีโญหรือความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้น มีการเกิดแผ่นดินไหวทั้งในฟิลิปปินส์ขนาด 6 ริกเตอร์ ไทยเกิดภาวะภัยแล้งในบางจังหวัด เช่น ในจังหวัดขอนแก่นจากการลงพื้นที่อุบลรัตน์และการเกิดน้ำท่วมในขณะเดียวกันที่จังหวัดกาฬสินธุ์และจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญได้มีการหยิบยกขึ้นมาพูดในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มอบให้ให้ท่านภูมิธรรม เป็นประธาน ปัญหาสำคัญเร่งด่วนที่เราจะต้องมาดู ปรากฏการณ์ประหลาดในประเทศเรามีภัยแล้งและน้ำท่วมต้องเรื่องการบริหารจัดการน้ำใน 22 ลุ่มน้ำ กระทรวงจะมอบหมายให้กรมชลประทานกรมฝนหลวงซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ไปดูแลเรื่องนี้”

Advertisment

อีกด้านหนึ่ง ภาวะเอลนีโญทำให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกขาดแคลนสินค้าเกษตรซึ่งจะเป็นโอกาสของชาวนาไทยดังนั้นกระทรวงเกษตรจะทำอย่างไรที่จะทำให้การปลูกข้าวมีคุณภาพและเป็นการสร้างโอกาสให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้

ขณะเดียวกันผมก็จะประกาศสงครามกับรอบนำเข้าสินค้าเกษตรเข้ามาจำหน่ายอย่างผิดกฎหมายในประเทศ มณีของตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุหมูเถื่อนมากกว่า 100 ตู้ในประเทศเราหรือสินค้าพืชต่าง ๆ เช่น กระเทียม ชิ้นส่วนไก่

นั่งประธานชุดปฏิบัติการณ์แก้หมูเถื่อน

“เรื่องหมูเถื่อนผมได้มอบนโยบายเรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ จะต้องมีการตั้งชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจขึ้นมาโดยผมจะเป็นประธานด้วยตัวเองและมีท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการทั้งสองคนเข้าร่วมด้วย จุหมูเถื่อนร้อยกว่าตู้นั้นทาง DSI ได้รับการส่งมอบตู้และจัดเตรียมทำลายตั้งแต่วันที่ 23 เดือนนี้เป็นต้นไป จะทำให้เห็นว่าเราเอาจริงในเรื่องนี้”

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญก็คือ การสร้างภาวะสมดุลให้กับสินค้าเกษตร หากปล่อยให้มีการนำเข้าสินค้าเถื่อนเข้ามาจำนวนมากจะทำให้สินค้าเกษตรเสียสมดุลนั้น เราจึงต้องมาดูว่าสินค้าใดต้องการผลิตเพิ่มจะมาวางมาตรการทั้งระบบ ตั้งแต่การเจรจากับผู้นำเข้าการบังคับใช้กฎหมายจริงเอาจัง

ปัดฝุ่นมิสเตอร์สินค้าเกษตร

พร้อมเน้นย้ำว่า มีนโยบายการสร้างวิธีการที่จะนำสู่ภาคปฏิบัติ โดยจะนำระบบมิสเตอร์สินค้าเกษตร ซึ่งเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพมาใช้ขับเคลื่อนสินค้าเกษตรเป้าหมาย เช่น มิสเตอร์มังคุด จะมีต่อไปคือ มิสเตอร์ทุเรียน เป็นต้น จากนั้นจะมีการมาหารือถึงรายละเอียดและแผนสนับสนุน

ซึ่งในการทำตลาดสินค้าเกษตรทูตเกษตรที่มีอยู่ทั่วโลกจะต้องมีส่วนร่วมในการผลักดันสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพของไทยออกไปยังต่างประเทศด้วย

ปั้นแบรนด์สินค้าเกษตรท้องถิ่นมูลค่าสูง

ร้อยเอกธรรมนัสยังกล่าวอีกว่า ทุกหน่วยงานในกระทรวงจะต้องช่วยกันเสริมศักยภาพสินค้าเกษตรเพื่อให้ผลิตสินค้าตรงตามที่ตลาดต้องการและสร้างแบรนด์ในแต่ละจังหวัด แต่ละอำเภอโดยจะต้องให้มี story

“สินค้าเกษตรไทยจะต้องมีสตอรี่เหมือนซีรีย์เกาหลีเรื่อง king the land ที่ได้จัดให้มีการมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมารับประทานอาหารไทย และมาเที่ยววัดไทย เราจะต้องมาดูว่าแต่ละจังหวัดมีสินค้าหรือบริการอะไรที่จะสามารถพัฒนาเป็นสินค้าท้องถิ่นมีมูลค่าสูงต่อไปไม่ต้องทำเยอะแต่ต้องสร้างแบรนด์สร้างจุดแข็งสินค้าที่มีคุณภาพ”

จัดการทรัพยากรทางการเกษตร

พร้อมกันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังมีแนวนโยบายที่จะจัดการทรัพยากรทางการเกษตรโดยเฉพาะพื้นที่ดินทางการเกษตรซึ่งจะต้องคำนึงถึงในเรื่องของสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการเผาที่จะทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนไทยและยังกระทบกับคุณภาพของหน้าดินอนาคตจะต้องดูถึงแนวทางในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัสดุทางการเกษตรที่เหลือใช้เช่นซังข้าวโพดนำไปแปรรูปสร้างพลังงาน

ชูกลไกรัฐ-เอกชน แก้ปัญหาประมง

ร้อยเอกธรรมนัสกล่าวว่า เรื่องการประมงที่เป็นปัญหา 22 จังหวัดตั้งแต่สมุทรสาครไปจนถึงจังหวัดปัตตานี นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครวางแนวทางการแก้ไขปัญหาทั้งประมงพาณิชย์ ประมงพื้นบ้านและประมงชายฝั่ง

โดยได้มีการตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาประมงซึ่งจะมีการประสานการทำงานระหว่างภาครัฐและเอกชนโดยหลังจากนี้จะมาหารือในรายละเอียดโดยผมได้มอบหมายให้กับอธิบดีกรมประมงรวมถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการทั้ง 2 ท่านในการช่วยดูแล

ปกป้องข้าราชการจากภัยการเมือง

ร้อยเอกธรรมนัสกล่าวในตอนหนึ่งว่า งานกระทรวงเกษตรจะขับเคลื่อนในรูปแบบของครอบครัว ผมมีหน้าที่ protect ข้าราชการพวกท่านไม่ให้การเมืองคุกคามการปฏิบัติหน้าที่ เพราะพวกท่านคือฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐไปสู่เป้าหมายสำคัญที่รัฐบาลได้วางเอาไว้ สร้างโอกาสและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเกษตรกรอยู่ดีกินดี

“ผมทั้ง 3 คนมาจากพื้นฐานครอบครัวที่ต่างกัน เป็นเด็กบ้านนอกเติบโตจากครอบครัวชาวนา แต่ก็คงภูมิใจที่ลูกชาวนาได้นั่งเป็นเจ้ากระทรวงเกษตรฯ ตาและท่านอนุชาก็เช่นกัน แต่ท่านอาจจะมีโอกาสที่ดีกว่าผม ดังได้มานั่งในตำแหน่งในกระทรวงนี้”

สำหรับข้าราชการที่มีกำหนดจะเกษียณอายุราชการในปีนี้หลายท่านไม่ว่าจะเป็นท่านสุรเดช อธิบดีกรมชลประทาน กรมประมง แต่เราก็อาจจะได้ทำงานร่วมกันในวาระอื่น

เดินหน้าโครงการพระราชดำริ

และสำคัญอีกอย่างหนึ่งวันนี้ที่สำคัญที่รัฐบาลให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายตามโครงการพระราชดำริทุกโครงการ

“ท่านนายกรัฐมนตรีได้กำชับ และประกาศเป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดนี้ พิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์การสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและเผยแพร่โครงการที่เกี่ยวข้องกับพระราชดำริ ที่รัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ทรงได้ศึกษาไว้ เพื่อแก้ปัญหาความ ร้อนของพสกนิกรของท่าน ซึ่งผมให้ความสำคัญทุกครั้งที่ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของโครงการในพระราชดำริ”

และสุดท้าย ร้อยเอกธรรมนัสยังย้ำว่าจะ ผลักดันการทำประกันสินค้าเกษตร มาในการเยียวยาความเสียหายจากภัยพิบัติสินค้าเกษตรมูลค่าหลานแสนล้านบาท นั้นการทำประกันจึงเป็นสิ่งสำคัญและใช้งบประมาณเพียง 2-3 หมื่นล้านบาทต่อปี ปลุกไม่ได้เกี่ยวกับการใช้เอกสารสิทธิในการทำประกันนั้นมองว่ายังมีแนวทางออก ซึ่งจะต้องปรับการทำงานในมิติใหม่เพื่อแก้ปัญหา

2 รมช.ขอบคุณ พร้อมช่วย

ด้านนายไชยากล่าวว่า ขอขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ถึงแล้วเราต่างอยู่ด้วยกันมาตลอดเคยอยู่พักเดียวกันมา ดำเนินในการปรกาศนโยบายแบบบูรณาการ แม้ว่าจะไม่ให้มีกรมได้รับผิดชอบแต่ก็ไม่มีช่องว่างเราจะทำงานเป็นทีมเดียวกันเป้าหมายเพื่อบริการประชาชน ซึ่งผมพร้อมจะสนับสนุนนโยบายทุกประการ

“ท่านมาจากผมก็มาจากการเป็นชาวบ้านมาเป็นรัฐมนตรีเป็นเด็กวัด ให้รู้ถึงวิถีชีวิตและความลำบาก การมีโอกาสได้ทำงานนี้ ผมรู้สึกขอบคุณท่านรัฐมนตรีว่าการและจะทำงานร่วมกันในแบบบูรณาการวันนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นในการทำงานเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่นโยบายได้มีการประกาศไว้ให้ประสบความสำเร็จ”

เช่นเดียวกับนายอนุชากล่าวว่า ดีใจที่ได้มาทำงานในกระทรวงที่สำคัญที่สุดของประเทศ ที่เราเป็นคนต่างจังหวัดกระทรวงนี้นับว่ามีความสำคัญและใกล้ชิดกับประชาชนมาก GDP ภาคเกษตรไม่ค่อยขยายตัวและเป็น GDP ที่มีสัดส่วนขนาดเล็ก ผมพร้อมจะมำงานและปฏิบัติตามนโยบาย ทำงานแบบครอบครัวเกษตรสร้างมิติใหม่

รมช.

รมช.