
เปิดมุมมอง “ธนินท์ เจียรวนนท์” กับการบริหารประเทศ ภายใต้รัฐบาลเศรษฐา ย้ำมาถูกทาง ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่ปกติ หนุนมาตรการดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท ไม่เสียวินัยการเงิน การคลัง ฝากนักธุรกิจช่วยกันพูด
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2566 นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในโอกาสครบรอบ 90 ปีหอการค้าไทย ในงานสัมมนาหอการค้าไทยทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 ว่า ในวาระที่หอการค้าไทย ครบ 90 ปี ทุกรุ่นได้มีการทุ่มเทให้สภาหอการค้าไทยเจริญรุ่งเรือง ทุกรุ่นที่เป็นผู้นำก็มีการทุ่มเท เสียสละ ทำการเปลี่ยนแปลง อีกทั้งได้มีการยกระดับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในทุกจังหวัด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจมากและเป็นอนาคต
และในยุค 4.0 ในคนรุ่นเก่าไม่ใช่ไม่มีความหมาย แต่มีความหมายอย่างยิ่ง แต่ทุกอย่างต้องสนับสนุนคนรุ่นใหม่ เพราะวันนี้โลกมันเปลี่ยนแปลง มันต้องมีอะไรใหม่ ๆ เกิดขึ้นอีกที่เราคาดไม่ถึง
อย่างโดรน อากาศยานไร้คนขับ คล้าย ๆ กับเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งมีความปลอดภัย และการลงทุนยังถูกกว่า ผมเพิ่งได้รับรู้ว่าทางญี่ปุ่น ให้ความสำคัญและจะนำเอาความไฮเทคเทคโนโลยี เอาคนรุ่นใหม่ พวกสตาร์ตอัพมาขยายในกลุ่ม 10 ประเทศอาเซียน แล้วประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง ผมก็คิดว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว
และนอกจากนี้ ยังพบว่าเมืองจีนจะมีสตาร์ตอัพเกิดขึ้นอีกจำนวนมาก เพราะคนรุ่นใหม่เป็นรุ่นที่กำลังเปลี่ยนแปลงโลก และข้อมูลของโลกสามารถเข้าถึงและมีจำนวนมากมายมหาศาลให้ได้เรียนรู้ และข้อมูลยังคือเป็นผู้ให้ความสำเร็จ การรวบรวมข้อมูลจึงต้องมีเอไอ (AI) มาวิเคราะห์ หากให้คนมาอ่าน มาเรียนรู้ไม่ทัน งั้นทุกอย่างมันต้องเร็ว
ชื่นชมรัฐบาล “ลุงตู่”
เราก็ต้องชมเชยรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารงานของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในด้านการบริหารวินัยการเงิน การคลัง ทำให้การเงินของประเทศไทยอยู่ในระดับท็อปของโลก หนี้ต่อจีดีพีของประเทศเพียง 61% ขณะที่หลายประเทศเกิน 100%
แต่วันนี้เศรษฐกิจของโลกมันไม่เหมือนกัน เรามีวินัยการเงินดีเกินไป ถ้าดีเกินไปมันก็เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ผมเชื่อว่าโลกนี้กำลังเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจ ยกเว้น สหรัฐอเมริกา ที่ทุกคนยังเชื่อมั่น แม้การเงินของอเมริกาเจอปัญหา อเมริกาขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้เงินไหลเข้ามากขึ้น แม้ว่าอเมริกามีหนี้สูงเกิน 100% ต่อจีดีพี แต่คนก็ยังให้ความเชื่อมั่นการเงินของอเมริกา
มั่นใจรัฐบาล “เศรษฐา”
สำหรับการบริหารประเทศภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ “นายเศรษฐา ทวีสิน” ผมมีความเชื่อมั่นสูงมาก ว่าเข้ามาในเวลาที่ถูกต้อง ที่จะมาแก้ไขเรื่องเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจากประสบการณ์ด้านบริหารธุรกิจที่เติบโตอันดับ 1 ด้านอสังหาริมทรัพย์ การดูแลวินัยการเงิน ของนายกฯเศรษฐาได้อย่างเยี่ยม การออกบอนด์ 4% แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่เป็นนักธุรกิจ อสังหาฯอย่างเดียว แต่เป็นนักบริหารการเงินอย่างยอดเยี่ยม
เหตุการณ์ของโลก ผมมีความมั่นใจว่ามาตรการที่รัฐบาลออกมาทุกอย่างถูกต้อง เพราะเศรษฐกิจไม่ปกติ การเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจในภาวะที่ไม่ปกติ เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการ เพราะประเทศเปิดแล้วไม่ได้เจอวิกฤตโควิด-19 อย่าง 3 ปีที่ผ่านมา
สินค้าเกษตร “น้ำมันบนดิน”
การพักหนี้เกษตรกร ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง ไม่ใช่ว่าพักนี้เกษตรกรแล้วก็เสียวินัยการเงิน ผมขอถามว่าในโลกนี้ประเทศไหนที่เจริญรุ่งเรืองได้โดยไม่ปกป้องราคาสินค้าเกษตร เพราะสินค้าเกษตรเปรียบเสมือนน้ำมันบนดินของประเทศไทย
เรามองว่าสินค้าเกษตรไม่ค่อยมีค่าเท่าไหร่ แต่พอปลูกเสร็จ ข้าวเปลือกขายเข้าโรงสี ตัวเงินไม่ใช่ของเกษตรแต่ได้ส่งต่อไปยังอุตสาหกรรม ไปเพิ่มมูลค่า อย่างอ้อยเกษตรกรขายอ้อยเข้าโรงงาน เป็นน้ำตาลก็กลายเป็นสินค้าของอุตสาหกรรมไปแล้ว ลองคิดดูสินค้าเกษตร เราผลิตได้เกือบจะได้ 100% งอกจากแผ่นดินไทย บางอย่าง ปุ๋ยอาจจะนำเข้า แล้วถ้าหากว่าสินค้าเกษตรเพิ่มมูลค่าขึ้นอีก 2-3 เท่า ประเทศไทยจะมีรายได้ของประเทศไทยที่แท้จริง
ทั้งนั้น สินค้าเกษตรผมจึงเรียกว่า “น้ำมันบนดิน” มีไม่หมด แล้วเก็บเกี่ยวได้ตลอด แต่น้ำมันใต้ดินขุดก็หมด ใช้ไปนาน ๆ ก็หมด แต่สินค้าเกษตรที่เรียกว่าน้ำมันบนดินไม่หมด ผมเลยอยากจะให้ทุกท่านช่วยกัน
ไม่ใช่ว่าพอราคาสินค้าเกษตรแพง ก็ไม่ได้ดัชนีค่าครองชีพสูง ต้องจำกัดราคา ผมบอกว่ารัฐบาลชุดนี้คงจะไม่เป็นอย่างนั้น ถ้าราคาสูงก็ต้องดู สาเหตุจากอะไร น้ำท่วม แมลง หรือเป็นโรค ทำให้ของมันขาด ราคาแพง และต้องรีบจัดการ เพื่อเป็นระยะยาวพร้อมทำ ให้เพิ่มผลผลิตเพิ่มขึ้น เมื่อเกษตรกรมีรายได้ก็จะมีเงินจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้น
และหากจำกัดราคา ก็ทำให้เกษตรกรยากจน ตอนที่เขาเสียหายแล้วไปช่วยไหม มีบ้างแต่ไม่ได้มาก แต่เวลาเขาจะได้กำไรคืน ก็ต้องได้ราคาสูง แต่ไม่ใช้วิธีกดราคา ทุกท่านที่เป็นนักธุรกิจลองไปศึกษาดู ว่าในโลกมีประเทศไหนที่เจริญรุ่งเรืองไปกดราคาสินค้าเกษตร ไม่มี
“ผมว่านักธุรกิจที่นั่งตรงนี้มีหน้าที่ ไม่ใช่ผมทำสินค้าเกษตรแล้วก็แบบเชียร์แบบนี้”
ฝากนักธุรกิจ
ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ของประเทศยังเป็นคนที่มีรายได้น้อย มีหนี้นอกระบบ ผมก็อยากจะฝากทุกท่าน นักธุรกิจ สมาชิกหอการค้าไทย ช่วยกัน ทุกพรรคการเมือง นักธุรกิจ ข้าราชการ ต้องมองประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก แล้วก็ประชาชน
“นักธุรกิจก็ต้องมองประเทศต้องมาก่อน ประชาชนต้องมาก่อน แล้วบริษัทมาทีหลัง ถ้าประเทศอยู่ไม่ได้ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ แล้วพวกเรามีสินค้าจะขายให้ใคร ตอนนี้ผมก็อยากจะถือโอกาสนี้ นักธุรกิจที่นั่งอยู่ และเกี่ยวพันกับสินค้าเกษตร หรืออุตสาหกรรม ถ้าประชาชนทั่วไปไม่มีกำลังซื้อ แล้วจะไปขายให้ใครครับ”
หนุนแจกเงิน 10,000 บาท
การออกโครงการ ดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท ผมเห็นด้วยและสนับสนุน ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ พวกเราต้องช่วยกันพูด คือไม่ใช่ไปช่วยเหลือคนยากจน แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจต้องให้เข้าใจ
แล้ววินัยทางการเงินเรายังไม่ได้เสียเลย แต่พอเรากระตุ้นแล้วก็ต้องมีแผนที่ สอง ระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว ผมเชื่อมั่นว่า ถ้านักธุรกิจ ข้าราชการ นักการเมือง มองประเทศชาติเป็นหลัก เอาตัวเองเป็นที่ 3 เชื่อมากว่าประเทศไทย ภายใต้การนำรัฐบาลชุดใหม่ ต้องทำให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองแน่นอน เพราะมีความเชื่อมั่นมาก
เพราะทุกวันนี้ใคร ๆ ก็อยากจะมาอยู่เมืองไทย ขณะที่โลกเจอวิกฤต ยกเว้นอเมริกา ดูแล้วอเมริกายังเป็นผู้นำเศรษฐกิจอยู่ แม้เงินเฟ้อ 4% แต่จีดีพีโต 10% เราอย่าไปกลัวเงินเฟ้อ ให้เงินเฟ้อบ้าง สิ่งที่กังวลคือเงินฝืด
อย่ากลัวเงินเฟ้อ
ผมมองว่าเงินฝืดอันตราย เหมือนความดันเนี่ย หัวใจหยุดเต้น เศรษฐกิจ ประเทศชาติล้มละลาย ถ้าหากเงินเฟ้อยังมีโอกาสแก้ไข เหมือนความดันสูงยังมียาควบคุมง่ายกว่าความดันต่ำ
“วันนี้ผมห่วงที่สุด ผมไม่ได้ห่วงว่าเงินเฟ้อ ผมห่วงที่สุดคือเงินฝืด วินัยการเงินเราเยี่ยมมาก เอามาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ”
วิกฤตในปัจจุบันไม่เหมือนวิกฤตต้มยำกุ้ง เศรษฐกิจมีปัญหา และประเทศไทยการเงินยังอยู่ในท็อปของโลก ดังนั้น ทั่วโลกมองแล้วว่า อาเซียน 10 ประเทศ และประเทศไทยน่าลงทุน
แต่ปัญหาของไทย เรากำลังกลายเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีผู้สูงอายุ หลายประเทศมีการเติบโตของประชากร ไทยเหลือประชากรไม่ถึง 70 ล้าน อันนี้อันตราย “แต่ไม่กลัวครับ เรามีโอกาส ถ้าเรามีรัฐบาลที่เข้าใจ แล้วประชาชนเข้าใจ ร่วมแก้ปัญหา”
ดึงคนเก่งสร้างงาน
ผมว่าประเทศไทยเนื้อหอม ในโลกมีคนเก่งอยากจะมาอยู่เมืองไทย เพียงแต่เราเข้าใจผิด เรากลัวว่าเข้ามาแล้วไปแย่งอาชีพคนไทย ผมว่าไม่ใช่ ถ้าเรารู้จักออกกฎเกณฑ์ กฎระเบียบ ไปชักชวนคนเหล่านี้มาเป็นคนไทยไปเลย เรามีประชากรเกือบ 70 ล้านคนหากนำเข้ามา 5 ล้านคนจะเป็นอะไรไป
เพราะเมื่อบุคคลเหล่านี้เข้ามาจะช่วยพัฒนาประเทศ เกิดการจ้างงาน เพราะบางอย่างต้องยอมรับว่าบุคลากรของเรายังไม่มีความรู้ในด้านเทคโนโลยีไฮเทค ถ้าประเทศไทยมีบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ เชื่อว่าจะยกระดับประเทศไทยให้ดีขึ้น แต่รัฐบาลต้องเอื้อความสะดวกด้านกฎหมาย
วิกฤตเป็นโอกาส
วิกฤตของโลกผมมองกลับมองว่าเป็นโอกาสของประเทศไทย ผมมีความเชื่อมั่นแบบนี้ ผมอาจจะพูดผิด แต่ผมเชื่อมั่นมากกว่า เพราะดู ๆ ไปแล้วประเทศไทยปลอดภัยที่สุด ไม่ได้ขัดแย้งใคร อาเซียน 10 ประเทศ มีอุดมสมบูรณ์กำลังเติบโต ประชากรเติบโตจำนวนมากขึ้น เวียดนามกำลังจะมีประชากร 100 ล้านคน มีแต่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ผู้สูงอายุ ซึ่งเร็วไปหน่อย
ออนไลน์ยังพึ่งธุรกิจหนัก
นักธุรกิจส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจตัวหนัก การผลิตเป็นตัวหนัก แต่ขายออนไลน์ซื้อมาขายไป วันนี้เราต้องมองทั้งตัวเบาและตัวหนัก อะไรที่จับต้องได้ต้องทำ ถ้าออนไลน์ขายได้มากใครผลิตสินค้าให้ แต่ยุคนี้กำลังเข้าสู่ยุคสำคัญ ที่เราต้องเปลี่ยนการผลิตให้มันไฮเทคขึ้น ให้มันทันสมัยขึ้น ให้มันเร็วขึ้น ให้มันถูกลง เพื่อรองรับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง
ฝากรัฐบาล
ฝากรัฐบาล เราควรจะมีกองทุนสนับสนุน มีผู้เชี่ยวชาญมาช่วยชี้แนะ นักธุรกิจไทยผมเชื่อว่าไทยไม่แพ้ใคร รัฐบาลต้องมีการเงินเข้ามาสนับสนุน และเอาความรู้คนเก่ง ๆ ที่มาช่วยประเทศไทย และก้าวหน้าไปด้วยกัน สุดท้ายออนไลน์ยิ่งมากก็ต้องพึ่งผู้ผลิตมากขึ้น อะไรที่จะจับต้องได้ก็ต้องผลิต จะไปขายออนไลน์ก็ยิ่งมาพึ่งพวกเรา เราเป็นธุรกิจตัวหนัก และเป็นธุรกิจหลักของชาติ ของเศรษฐกิจ ก็หวังว่าทุกคนจะมีอนาคตและรับการเปลี่ยนแปลงให้ทัน บริหารจัดการใช้ระบบใหม่ ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และไม่ใช่อาศัยค่าแรงงานถูก หมดยุคแล้ว แต่ค่อย ๆ เปลี่ยน ซึ่งเราต้องเตรียมความพร้อม ถ้าค่าแรงสูงขึ้น แล้วเราจะทำยังไงก็ต้องใช้ไฮเทคมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มเงินเดือนให้กับพนักงาน