เปิดวาระลับ นบข. ไฟเขียว “จีทูจีข้าวอินโดฯ” 2 ล้านตัน

ข้าวสาร
แฟ้มภาพ

เปิดวาระลับ นบข. ไฟเขียวจีทูจีข้าว อินโดนีเซีย 1 ล้านตัน ขายผ่านเอกชน 1 ล้านตัน ตามสัญญานายกเศรษฐา เตรียมชง ครม. สัปดาห์หน้า พร้อมยืดสัญญาส่งมอบ จีทูจี คอฟโก ยุคอดีตนายกฯประยุทธ์ 2.8 แสนตันสุดท้าย ถึงสิ้นปี 2567

วันที่ 4 มกราคม 2567 แหล่งคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า วันนี้ (4 ม.ค. 2567) ที่ประชุม นบข.ที่ทีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน พิจารณาวาระลับ เรื่องการทำสัญญาขายข้าว แบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (GtoG) ให้กับรัฐบาลอินโดนีเซีย ตามที่ประธานาธิบดีอินโดนีเซียได้เจรจาขอซื้อข้าวจากนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน เมื่อปลายปี 2566 ปริมาณ 2 ล้านตัน โดยเบื้องต้นได้ข้อสรุปว่าจะแบ่งเป็นการขายแบบ GtoG ปริมาณ 1 ล้านตัน และจากภาคเอกชนอีก 1 ล้านตัน

โดยหลังจากนี้จะเสนอผลสรุปต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา เพื่อให้กรมการค้าต่างประเทศ เดินทางไปเจรจากับบลูล็อก หน่วยงานรัฐวิสาหกิจอินโดนีเซียภายในเดือนนี้

“ชนิดข้าวคาดว่าจะเป็นข้าวขาว ส่วนราคาขายจะต้องมีการเจรจาเป็นลอตต่อลอต เหตุที่ต้องเร่งรัดในการพิจารณา เพราะทางอินโดนีเซียได้มีการติดต่อซื้อผ่านนายกรัฐมนตรีและได้ติดตามความคืบหน้ามาหลายครั้งแล้ว”

พร้อมกันนี้ที่ประชุมได้มีมติ ขยายระยะเวลาการส่งมอบข้าวภายใต้สัญญาซื้อขายข้าว แบบ G TO G ให้กับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจจีน COFCO ของรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน อีก 2.8 แสนตัน แต่ภายหลังรัฐบาลจีนให้เหตุผลว่าจีนมีสต๊อกข้าวเหลือค้างอยู่ในประเทศเป็นจำนวนมากจึงขอชะลอการส่งมอบไว้ก่อน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เห็นว่าควรยืดเวลาถึงภายในสิ้นปี 2567

สำหรับข้าวจำนวนนี้เป็นสัญญาที่ค้างรับมอบลอตที่ 2 จากสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเดิมได้ทำสัญญาไว้ 2 ลอต ลอตละ 1 ล้านตัน ส่งมอบครบแล้วลอตแรก 1 ล้านตันยังเหลือลอตที่ 2 ที่ส่งไป 7.2 แสนตัน ขอขยายเวลาประมาณ 5-6 ปีมีแล้ว โดยการขายข้าว GtoG ที่ตกลงเป็นชนิดข้าวขาวแต่จะมีการเจรจาราคาในการส่งมอบเป็นลอตต่อลอต

พร้อมกันนี้ที่ประชุม นบข.ได้พิจารณารายงานสถานการณ์การผลิตและการตลาดข้าว ตามที่ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เสนอรายงานสถานการณ์การผลิตข้าวโลก ปีการผลิต 2566/2567 โดยคาดว่าผลผลิตข้าวโลกจะมีประมาณ 518.07 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1% จากปีการผลิต 2565/66 ที่มีปริมาณ 512.98 ล้านตัน โดยผลผลิตข้าวในปากีสถานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติเหมาะสมแก่การเพาะปลูก

ส่วนการบริโภคข้าวโลก ปีการผลิต 2566/67 คาดว่าจะมีประมาณ 525.05 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อน 2565/66 ที่มีปริมาณ 520.41 ล้านตัน โดยการบริโภคข้าวในอินเดีย และฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในขณะที่การบริโภคข้าวในประเทศอื่นค่อนข้างคงที่

ส่วนการค้าข้าวโลก ปี 2566/67 คาดว่าจะมีประมาณ 52.14 ล้านตัน ลดลง 0.27 ล้านตัน จากปี 2565/66 ที่มีปริมาณ 52.41 ล้านตัน เนื่องจากประเทศผู้ส่งออก ได้แก่ อินเดีย และเวียดนาม มีแนวโน้มส่งออกลดลง

สต๊อกข้าวโลก ปลายปี 2566/67 คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 167.76 ล้านตัน ลดลง 6.98 ล้านตัน จากปี 2565/66 ที่มีปริมาณ 174.74 ล้านตัน โดยจีนมีสต๊อกข้าวมากที่สุด ปริมาณ 104.50 ล้านตัน รองลงมา คือ อินเดีย 32.50 ล้านตัน อินโดนีเซีย 3.70 ล้านตัน ฟิลิปปินส์ 3.48 ล้านตัน และไทย 2.64 ล้านตัน

สำหรับสถานการณ์ข้าวไทย ผลผลิตข้าวนาปี 2566/67 ได้เก็บเกี่ยวแล้ว 98% เหลืออีก 2% สำหรับข้าวหอมมะลิ ส่วนข้าวเหนียวในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเก็บเกี่ยวหมดแล้ว เมื่อเปรียบเทียบราคาข้าวไทย โดยภาพรวมข้าวทุกชนิดราคาสูงกว่าปีที่แล้ว แต่ในขณะนี้ราคาข้าวเปลือกทุกชนิดมีราคาอยู่ในระดับทรงตัว เนื่องจากช่วงเทศกาลปีใหม่ โรงสีและคู่ค้าชะลอการซื้อขาย