
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม จากความกังวลต่อสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ยังคงตึงเครียด
วันที่ 31 มกราคม 2567 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา มีดังนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น จากความกังวลต่อสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ยังคงตึงเครียด หลังการโจมตีฐานทัพของสหรัฐในจอร์แดนโดยกองกำลังติดอาวุธที่หนุนโดยอิหร่าน โดยวานนี้ (30 ม.ค. 67) โจ ไบเดน แถลงว่าสหรัฐกำลังพิจารณาว่าจะตอบโต้การโจมตีดังกล่าวต่อไป
ส่งผลให้เกิดความกังวลต่ออุปทานน้ำมันจากอิหร่านที่อาจมีการคว่ำบาตรเกิดขึ้น ขณะที่อุปทานจากเวเนซุเอลาถูกจำกัดจากเริ่มใช้การคว่ำบาตรในสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกัน
โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 30 ม.ค. 2567 อยู่ที่ 77.82 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +1.04 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันดิบเบรนต์อยู่ที่ 82.87 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +0.47 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ดี อุปสงค์น้ำมันเชื้อเพลิงในจีนยังคงได้รับแรงกดดันจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในจีน
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับตัวเลขประมาณการ GDP ทั่วโลกในปี 2567 ที่ 3.1% เพิ่มขึ้น 0.2% จากการคาดการณ์ในเดือน ต.ค. 2566 โดยเฉพาะสหรัฐที่มีอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลง ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวได้ดีขึ้น ส่งผลให้ IMF ปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการ GDP สหรัฐ ในปี 2567 ที่ 2.1% จาก 1.5%
หลังตลาดปิดสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐ (API) เผย ตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 26 ม.ค. 2567 ปรับตัวลดลงกว่า 2.50 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 0.867 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์ของภูมิภาคมีแนวโน้มชะลอตัวจากราคาที่ปรับตัวขึ้นอย่างมากในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ดี อุปทานมีแนวโน้มลดลงจากการซ่อมบำรุงโรงกลั่นในอินโดนีเซีย
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานในภูมิภาคมีแนวโน้มลดลงจากช่วงฤดูกาลซ่อมบำรุงโรงกลั่นที่กำลังจะมาถึง ขณะที่ตัวเลขการส่งออกน้ำมันในภูมิภาคอยู่ในระดับต่ำเช่นกัน