
กองทุนน้ำมัน เตรียมถกกระทรวงการคลัง สัปดาห์นี้ เล็งหาทางออก ขอกรอบวงเงินกู้อีกรอบ หลังสภาพคล่องฝืด เหลือ 3 หมื่นล้าน สถานะติดลบพุ่ง 8.7 หมื่นล้าน ตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก คาดโอกาสติดลบ 1 แสนล้าน เม.ย. 67
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน ระบุว่า ในสัปดาห์นี้ คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) อาจต้องพิจารณาหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อขอกรอบวงเงินกู้อีกครั้ง จากปี 2565-2566 ที่รัฐบาลเคยให้กรอบวงเงินกู้ได้ไม่เกิน 1.5 แสนล้านบาท โดยทำเรื่องกู้รวมไปแล้ว 1.05 แสนล้านบาท
โดยปัจจุบันกองทุนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ยังเหลือเงินกู้ที่สามารถเบิกจากสถาบันการเงินได้อีก 30,333 ล้านบาท เพื่อใช้เสริมสภาพคล่องทางการเงินของกองทุน ในการดำเนินนโยบายรักษาระดับราคาจำหน่ายปลีกน้ำมันไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร จนถึง 31 มี.ค. 2567 หรืออีก ไม่ถึง 1 เดือน
ขณะที่สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีแนวโน้มที่ในเดือน เม.ย. 2567 จะติดลบแตะระดับ 1 แสนล้านบาทอีกครั้ง จากที่เคยติดลบสูงสุด 1.3 แสนล้านบาท เมื่อปี 2565
โดยปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ ติดลบ 86,074 ล้านบาท จากเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2567 ติดลบอยู่ 80,101 ล้านบาท
ซึ่งเป็นผลเกิดจากการนำเงินไปชดเชยราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ทำให้บัญชีน้ำมันติดลบ 39,543 ล้านบาท และนำไปชดเชยราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ทำให้บัญชี LPG ติดลบ 46,531 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในแต่ละวันกองทุน มีเงินไหลออกจากกองทุนถึงวันละ 268.64 ล้านบาท จากการชดเชยราคาดีเซล และชดเชยราคา LPG ทำให้เงินไหลออก 0.24 ล้านบาทต่อวัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2567 กบน.พยายามรักษาสมดุลราคาน้ำมันในประเทศ โดยมีมติปรับเปลี่ยนอัตราเงินเรียกเก็บเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน ดังนี้
- ผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ต้องส่งเงินเข้ากองทุน 2.40 บาทต่อลิตร
- น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ส่งเข้ากองทุน 1.05 บาทต่อลิตร
- น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ส่งเข้ากองทุน 0.41 บาทต่อลิตร
- น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ส่งเข้ากองทุน 0.16 บาทต่อลิตร
- เบนซิน ออกเทน 95 ส่งเข้ากองทุน 9.38 บาทต่อลิตร
ขณะที่ดีเซล ทางกองทุน ต้องนำเงินไปชดเชยราคามากขึ้นเป็น 4.57 บาทต่อลิตร เพื่อไม่ให้ราคาจำหน่ายปลีกเกิน 30 บาทต่อลิตร จนถึง 31 มี.ค. 2567