
24 ก.พ. วันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า กรมอุทยานชวนคนไทยหยุดเผาป่า ตั้งเป้าลดพื้นที่เผาไหม้ป่าอนุรักษ์ให้ได้ 50% ของพื้นที่เผาไหม้ปี 2566
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวในการแถลงข่าวกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ณ ห้องแถลงข่าว 101 ชั้น 1 อาคารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่า เนื่องจากวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็น “วันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า” ทุกปี
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะรณรงค์ให้ประชาชนและเกษตรกรงดการจุดไฟเผาป่า สร้างความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักให้แก่ประชาชน นักเรียน นักศึกษา หน่วยราชการ องค์กรเอกชน ถึงอันตรายและผลกระทบของควันที่เกิดจากไฟป่า และเพื่อป้องกันและอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้จากการจุดไฟเผาป่า
โดยปี 2567 นี้ กำหนดจัดกิจกรรม “วันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า 24 ก.พ.” ตามแนวทางการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ประจำปี 2567 ที่ตั้งเป้าลดพื้นที่เผาไหม้ให้ได้ 50% ของพื้นที่เผาไหม้ปี 2566
สำหรับวันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่าในปีนี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีนโยบายให้ทุกหน่วยงานในสังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1-16 และสาขา ลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับราษฎรกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างความเข้าใจถึงสาเหตุและอันตรายจากไฟป่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความร่วมมืออันนำมาสู่การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างยั่งยืน และจัดกิจกรรมร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนและทุกภาคส่วนในรูปแบบที่เรียบง่าย ซึ่งทำกันมาอย่างต่อเนื่อง
เช่น เคาะประตูบ้าน ทำแนวกันไฟ จัดการเชื้อเพลิง เป็นต้น โดยมุ่งเน้นสร้างการมีส่วนร่วมกับเครือข่ายแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันและราษฎรในชุมชน ทำการจัดเก็บเชื้อเพลิงในป่าในพื้นที่รับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งจะต้องไม่กระทบกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ไฟป่า เครือข่ายอาสาที่ยังคงปฏิบัติงานด้านไฟป่ากันอย่างเข้มข้น เพื่อป้องกันไฟป่าอยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้ แนวทางและมาตรการป้องกันไฟป่า เพื่อลดฝุ่นควัน PM 2.5 ปี 2567 รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อปัญหาการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ แต่งตั้ง “คณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน” เพื่อเป็นกลไกในการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5
โดยมี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน และได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการอำนวยการเพื่อการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ ศูนย์ปฏิบัติระดับจังหวัดเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยจะมุ่งเป้าการเตรียมความพร้อมการควบคุมพื้นที่เสี่ยงต่อการเผา 11 ป่าอนุรักษ์ 10 ป่าสงวนแห่งชาติ ที่มีพื้นที่เผาไหม้สูงสุด โดยเฉพาะพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ
ทั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตั้งเป้าลดพื้นที่เผาไหม้ให้ได้ 50% ของพื้นที่เผาไหม้ปี 2566 ที่เกิดขึ้นจำนวน 12.78 ล้านไร่ โดยให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าปี 2567 ดังนี้ 1.จัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่เสี่ยงในห้วงเวลาที่เหมาะสม 2.ตรึงพื้นที่กำหนดจุดเฝ้าระวัง โดย อส.ได้สำรวจพื้นที่ที่จะตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด และจุดเฝ้าระวังไฟป่าทั้งประเทศรวมจำนวน 3,893 จุด
แบ่งเป็น จุดตรวจ/จุดสกัด ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่จำนวน 1,311 จุด และจุดเฝ้าระวังไฟป่า ที่จัดจ้างราษฎรเฝ้าระวังพื้นที่จำนวน 2,582 จุด 3.จัดตั้ง War Room ทุกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ณ ปัจจุบัน ได้จัดตั้งศูนย์สั่งการและติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน (War Room) ครบทุกสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ (สบอ.) และทุกพื้นที่ป่าอนุรักษ์แล้วจำนวน 400 แห่ง 4.จัดเตรียมกำลังพลเพื่อดับไฟป่า โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่
5.เฝ้าระวังควบคุมพื้นที่ตลอดห้วงไฟป่าภายใต้หลักการ “เห็นไว เข้าถึงไว ควบคุมและดับได้ไว” 6.กำหนดแผนการบริหารจัดการเมื่อเกิดเหตุการณ์ 7. จัดระเบียบ การเผาพื้นที่เกษตรกรรมในเขตป่า 8.จัดระเบียบการเข้าออกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 9.ควบคุมการเก็บหาของป่าโดยอนุญาตเฉพาะคนในพื้นที่เท่านั้น และ 10.รณรงค์ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจเกาะติดราษฎรกลุ่มเผาป่าในรูปแบบ “เคาะประตูบ้าน”