ราคายางนิ่ง 77.56 บาทต่อกิโลกรัม กยท. เตรียมเปิดตัว ล้อยาง Thai Tyre พ.ค. 2567 เร่งเจรจาโรงงานดีสโตน-โรงงานยางล้อจีน สั่งผลิตเฟสแรก พร้อมเล็งหาโชว์รูมจำหน่าย ต่อยอดผลิตภัณฑ์หมวกนิรภัย-รองเท้าบูท
วันที่ 3 มีนาคม 2567 ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (บอร์ด กยท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงความคืบหน้า โครงการยาง Thai Tyre ว่า ในเดือนพฤษภาคม 2567 จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ล้อยาง กยท. ครั้งแรก ที่งานเอ็กซ์โป ซึ่งจัดขึ้นที่ไบเทค บางนา
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
สำหรับการผลิตยางเฟสแรก จะใช้วิธีการจ้างผลิต OEM จากโรงงานในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ได้เจรจากับโรงงานยางของจีนส่วนหนึ่ง และโรงงานของไทย อย่างดีสโตน เพื่อจ้างผลิตให้เป็นยางที่มาตรฐานเทียบเท่าสากล โดยวางเป้าหมายจะเป็นสินค้าระดับที่สามารถแข่งขันด้านการตลาดกับสินค้าที่ผลิตจากจีนได้
“ดีสโตน เราก็คุยกันแล้ว ผู้บริหารดีสโตนก็มาเป็นที่ปรึกษาของผม เพราะยางดีสโตนเป็นขวัญใจคนไทย และยังมีโรงงานของจีนอีก 2 โรงที่เรากำลังประสานกันอยู่ เพราะฉะนั้นตอนแรกเรายืนยันว่าจะจ้างทำโออีเอ็ม โดยจ้างผลิตในแบรนด์ของเราตามมาตรฐาน ก็ระดับโลก เพราะทุกงานก็ส่งออกยางไปในโลกเหมือนกัน
แต่เรามีวัตถุดิบจากพี่น้องเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรที่ผลิตขึ้นมาที่เราขายกับโรงงานทั่วไปอยู่แล้ว ก็จะนำมาเป็นวัตถุดิบที่ใช้ผลิตยางล้อ โดยจะผลิตยางรถไถ รถเกษตร และรถพาสเซนเจอร์ ก็คือรถกระบะ รถเก๋ง เบื้องต้นจะมี 5-6 ไซซ์ ที่ใช้กันเยอะ ๆ ก่อน
การดำเนินการในเฟสแรก จะทำ OEM เพื่อไม่ต้องแบกรับภาระ ต้นทุนสูงเกินไป และอีกอย่างหนึ่ง คือ ต้องเรียนรู้ไปก่อนเพราะเราเป็นผู้ใหม่ในธุรกิจนี้ การที่ไปลงทุนเยอะ ๆ ก็ควรจะเว้นไว้ก่อน เราใช้โนว์ฮาวของคนอื่น ซึ่งเขาพร้อม ส่วนเรื่องราคา แน่นอนว่าเราวางสินค้าเราไว้ในระดับที่เป็นแมส คือตลาดทั่วไป น่าจะเกรดประมาณดีสโตนมาตรฐานอยู่ประมาณนั้น แต่ราคาถูกกว่าแน่นอน
เพราะว่าแบรนด์นั้นมีเรื่องโนว์ฮาวเรื่องของแบรนด์ที่สามารถอัพราคาได้ ถ้ายางแบรนด์ยี่ห้อแพง ที่เรียกว่าไฮเอนด์จะใช้สัดส่วนของยางธรรมชาติค่อนข้างเยอะ ยางล้อจีนจะใช้สัดส่วนของยางสังเคราะห์เยอะกว่ายางธรรมชาติ แต่เราจะผลิตในสูตรที่เรียกว่าใช้ยางธรรมชาติเยอะกว่าเพราะเราไม่จำเป็นที่จะต้องไปเสียค่าแปลงครับเรื่องแบรนด์ที่เราจะไปทำราคา เราไม่ได้ทำต้นทุนมาจากวัตถุดิบ ที่เราผลิตได้เอง กับพี่น้องเกษตรกรอยู่แล้ว หลังจากนั้นหากธุรกิจนี้เดินไปต่อไปได้ เฟสต่อไปจะพิจารณาเรื่องการตั้งโรงงานล้อในลำดับต่อไป”
ดูดผลผลิตยางออกจากตลาด 4 แสนตัน
ก่อนหน้านี้ นายเพิกเล่าว่า โครงการยาง Thai Tyre เปรียบเสมือนแก้มลิงที่จะดึงยางออกไป เพราะการผลิตยางล้อเอง ทำให้เราสามารถดึงผลผลิตยางออกจากตลาด 400,000 ตันต่อปี คิดเป็น 10% จากปริมาณการส่งออกทั้งหมด 4 ล้านตัน ซึ่งถือว่าเป็นการยกระดับราคาแบบที่ไม่ใช่เข้าไปแทรกแซงกลไกตลาดอย่างที่ผ่าน ๆ มา โดยเฉพาะโครงการประกันรายได้ไม่ต้องพูดถึง เพราะที่ผ่านมาทำแล้วก็ไม่ได้ช่วยให้ราคาขยับสูงขึ้น ทางเราจึงไม่ทำประกันรายได้
เล็งหา “โชว์รูม” ช่องทางจำหน่าย
สำหรับช่องทางจำหน่าย ตอนนี้กำลังเตรียม โดยดูโชว์รูมที่จะแสดงสินค้าของเกษตรกรที่ผลิตได้ เพราะนอกจากล้อยางแล้ว ในช่วง 2-3 เดือนนี้ ได้ลงพื้นที่และพบว่ามีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมาก มีทั้งหมวกนิรภัย รองเท้าบูทที่ใช้กับอุตสาหกรรมเกษตร และอาหาร
เบื้องต้นได้ประสานกับอธิบดีหลายกรม เช่น กรมปศุสัตว์ เรื่องการขอให้ห้องเย็นที่ต้องใช้รองเท้าบูต และกำลังนำเสนอให้มีการตั้งงบประมาณ การจัดซื้อจัดจ้างซึ่งท่านรัฐมนตรีบอกแล้วว่าให้แต่ละหน่วยงานสนับสนุนพวกเราเพื่อจะยกระดับและพัฒนาสินค้าพวกนี้ และมีเซลส์ช่วยจำหน่าย
อัพเดตสถานการณ์ราคายาง
สำหรับสถานการณ์ราคายางล่าสุดยังแผ่นรมควันชั้น 3 มีการจำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 77.56 บาท ขณะที่ราคาน้ำยางสด จ.สงขลา สูงถึงกิโลกรัมละ 74.72 บาท ส่วนราคาส่งออก เอฟโอบี กิโลกรัมละ 82.88 บาท