พาณิชย์ยืนเป้าเงินเฟ้อ 0.7% อานิสงส์มาตรการรัฐลดค่าไฟฟ้า-น้ำมัน

“พาณิชย์” เผยเงินเฟ้อ ก.พ. 67 ติดลบ 0.77% ลดลงต่อเนื่อง 5 เดือนติดต่อกันเหตุราคาเนื้อสัตว์ ผักสดปรับลดลงอานิสงส์จากมาตรการรัฐ ลดน้ำมันและไฟฟ้า และฐานปีก่อนสูง ส่วนยอดรวม 2 เดือน ลด 0.94% คงเป้าทั้งปี ติดลบ 0.3% ถึง 1.7% ค่ากลาง 0.7%

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือน ก.พ. 2567 เท่ากับ 107.22 เทียบกับ ม.ค. 2567 เพิ่มขึ้น 0.22% เทียบกับเดือน ก.พ. 2566 ลดลง 0.77% เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ส่งผลให้เงินเฟ้อสะสม 2 เดือน ปี 2567 (ม.ค.-ก.พ.) ลดลง 0.94%

มีสาเหตุสำคัญจากราคาอาหารสด ทั้งเนื้อสัตว์ และผักสด ที่ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก และราคาปรับลดลง รวมทั้งน้ำมันดีเซลและค่ากระแสไฟฟ้า ราคายังต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปี 2566 จากมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ ประกอบกับฐานราคาเดือน ก.พ. 2566 ที่ใช้คำนวณเงินเฟ้อยังอยู่ระดับสูง มีส่วนทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ส่วนสินค้าและบริการอื่น ๆ ราคาเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ

โดยเงินเฟ้อเดือน ก.พ. 2567 ลดลง 0.77% มาจากการลดลงของหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 0.97% ตามการลดลงของราคาเนื้อสุกร ปลาทู กุ้งขาว ปลากะพง ผักสด (มะนาว แตงกวา ผักกาดขาว มะเขือเทศ กะหล่ำปลี) เนื่องจากปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก

รวมถึงน้ำมันพืช และน้ำปลาราคาปรับลดลง ส่วนสินค้าที่ราคาสูงขึ้น อาทิ ข้าวสาร ไข่ไก่ นมถั่วเหลือง ครีมเทียม ผลไม้บางประเภท (แตงโม กล้วยหอม มะม่วง) น้ำตาลทราย กะทิสำเร็จรูป กาแฟสำเร็จรูปพร้อมดื่ม กับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว และอาหารกลางวัน

ส่วนหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 0.63% เนื่องจากน้ำมันในกลุ่มดีเซล และค่ากระแสไฟฟ้า ราคายังต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปี 2566 จากมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ เสื้อผ้าบุรุษและสตรี สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด (ผงซักฟอก น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาปรับผ้านุ่ม) เครื่องใช้ไฟฟ้า (เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น)

รวมถึง สบู่ถูตัว แชมพูสระผม ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว ราคาปรับลดลง โดยสินค้าที่ราคาสูงขึ้นเล็กน้อย อาทิ แป้งทาผิวกาย น้ำยาระงับกลิ่นกาย ยาสีฟัน ยาแก้ไข้หวัด ยาลดกรดในกระเพาะ ค่าตรวจรักษาโรค ค่าทัศนาจรต่างประเทศ ค่าโดยสารเครื่องบิน บุหรี่ สุรา และไวน์

ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานเดือน ก.พ. 2567 เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก เพิ่มขึ้น 0.02% เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. 2567 และเพิ่มขึ้น 0.43% เมื่อเทียบกับเดือน ก.พ. 2566 เฉลี่ย 2 เดือน ปี 2567 (ม.ค.-ก.พ.) เพิ่มขึ้น 0.47%

นายพูนพงษ์กล่าวว่า สนค.ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 อยู่ระหว่างลบ 0.3% ถึง 1.7% ค่ากลาง 0.7% ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง

ส่วนแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน มี.ค. 2567 คาดว่าจะยังคงลดลงต่อเนื่อง และไตรมาสแรกปี 2567 เงินเฟ้อเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ลดลง 0.7-0.8% และเดือน เม.ย. 2567 ก็จะยังลด โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการลดค่าครองชีพด้านพลังงาน ที่มีการตรึงราคาค่ากระแสไฟฟ้าที่ 3.99 บาทต่อหน่วย

สำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน และที่ 4.18 บาทต่อหน่วย สำหรับครัวเรือนทั่วไป มาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร จนถึงวันที่ 19 เม.ย. 2567 ฐานราคาที่สูงในปีก่อนหน้าของเนื้อสุกรและผักสด และเศรษฐกิจของไทยขยายตัวในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง

โดยจีดีพีไตรมาส 4 ขยายตัว 1.7% และทั้งปี 2566 ขยายตัว 1.9% แต่เงินเฟ้อจะเริ่มเป็นบวกในเดือน พ.ค. 2567 เพราะฐานเดือน พ.ค. 2567 อยู่ในระดับต่ำ และมาตรการช่วยค่าครองชีพโดยเฉพาะน้ำมันจะสิ้นสุด 19 เม.ย. 2567 และค่าไฟฟ้าสิ้นสุด 30 เม.ย. 2567 ซึ่งต้องติดตามมาตรการรัฐต่อไป

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ได้แก่ สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ยืดเยื้อ ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญปรับสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า ส่งผลให้การนำเข้าสินค้ามีราคาสูงขึ้น สภาพอากาศที่มีความแปรปรวนในช่วงท้ายของปรากฏการณ์เอลนีโญ

รวมทั้งการเข้าสู่ฤดูร้อน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนและปริมาณผลผลิตทางการเกษตร และการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้อุปสงค์และราคาของสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาค่าโดยสารเครื่องบิน