
สนค.เผยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมีนาคม 2567 ลดลง 0.47% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 จากปัจจัยราคาอาหารสด เนื้อสุกร ผักสด และราคาพลังงานน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ลดลง ทำให้ไตรมาส 1 เงินเฟ้อ ลดลง 0.79% แต่เชื่อว่าไตรมาส 2 เงินเฟ้อจะปรับเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ได้ปรับคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปีจาก 0.7% มาอยู่ที่ 0.5% ให้สอดคล้องปัจจัยปัจจุบัน
วันที่ 5 เมษายน 2567 นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย (เงินเฟ้อ) เดือนมีนาคม 2567 พบว่าเท่ากับ 107.25 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง 0.47 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยมีปัจจัยจากการปรับลดลงตามราคาอาหารสด ทั้งเนื้อสุกร และผักสด เนื่องจากผลผลิตในตลาดมีจำนวนมาก และฐานราคาเดือนมีนาคม 2566 อยู่ในระดับสูง
รวมทั้งราคาพลังงาน ทั้งค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำมันดีเซล ยังคงต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปี 2566 เนื่องจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ นอกจากนี้ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด ราคายังคงปรับลดลง สำหรับสินค้าและบริการอื่น ๆ ราคาเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ
อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2567 พบว่าอัตราเงินเฟ้อของไทย ลดลง 0.77% ซึ่งยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 4 จาก 136 เขตเศรษฐกิจ ที่ประกาศตัวเลข และยังคงต่ำที่สุดในอาเซียนจาก 7 ประเทศที่ประกาศตัวเลข สปป.ลาว, เวียดนาม, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย
ความเคลื่อนไหวของสินค้า
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ลดลง 0.47% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ในเดือนนี้ มีการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าและบริการ ดังนี้
หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลง 0.57% ตามการลดลงของราคาเนื้อสัตว์ ปลาและสัตว์น้ำ (เนื้อสุกร ปลาทู ปลากะพง) ผักสด (มะนาว กะหล่ำปลี มะเขือเทศ) เนื่องจากผลผลิตในตลาดมีจำนวนมาก และฐานราคาเดือนมีนาคม 2566 ที่ใช้คำนวณเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง
นอกจากนี้ ยังมีสินค้าสำคัญที่ราคาปรับลดลง อาทิ น้ำมันพืช และอาหารโทร.สั่ง (พิซซ่า) สำหรับสินค้าที่ราคาสูงขึ้น อาทิ ข้าวสาร ไข่ไก่ นมสด องุ่น ส้มเขียวหวาน น้ำตาลทราย กาแฟผงสำเร็จรูป กับข้าวสำเร็จรูป และอาหารกลางวัน
หมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 0.40% ตามค่ากระแสไฟฟ้า และราคาน้ำมันในกลุ่มดีเซล
ที่ยังต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปี 2566 จากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐที่ยังคงดำเนินการอยู่
นอกจากนี้ สินค้าที่ราคาสูงขึ้นเล็กน้อย อาทิ ค่าแต่งผมบุรุษและสตรี ยาแก้ปวดลดไข้ ยาลดกรดในกระเพาะ ค่าตรวจรักษาคลินิกเอกชน ค่าทัศนาจรในประเทศและต่างประเทศ บุหรี่ สุรา และไวน์
เงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก สูงขึ้น 0.37% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า ที่สูงขึ้น 0.43%
ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมีนาคม 2567 เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2567 สูงขึ้น 0.03% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ตามการสูงขึ้นของหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ร้อยละ 0.15 ที่ปรับสูงขึ้นตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าโดยสารเครื่องบิน สุรา เบียร์ ไวน์ น้ำยาปรับผ้านุ่ม และผลิตภัณฑ์ซักผ้า
อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าสำคัญที่ราคาปรับลดลง ขณะที่หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลง 0.13% ตามการลดลงของ เนื้อสุกร ไก่ย่าง ไข่ไก่ ไข่เป็ด ครีมเทียม ขนมปังปอนด์ อาหารจากธัญพืช และขนมอบ
สำหรับสินค้าที่ราคาสูงขึ้น อาทิ ผักสด (มะนาว แตงกวา ถั่วฝักยาว) ผลไม้ (ส้มเขียวหวาน สับปะรด ฝรั่ง) น้ำหวาน และอาหารเช้า
ส่งผลให้ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป เฉลี่ยไตรมาสแรกของปี 2567 เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2566 ลดลง 0.79% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ลดลง 0.2% (QOQ)
แนวโน้มเงินแฟ้อ
แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 มีแนวโน้มสูงขึ้นจากไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 ประมาณ 0.5-0.6% โดยไตรมาส 3 ก็ไม่ต่างจากไตรมาส 2 โดยมีปัจจัยจาก
(1) ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
(2) อัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มอ่อนค่ากว่าไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 และช่วงเดียวกันของปีก่อน
(3) ฐานค่ากระแสไฟฟ้าที่ต่ำในปีก่อนหน้า โดยเฉพาะในเดือนพฤษภาคม 2566 เนื่องจากรัฐบาลมีการดำเนินมาตรการลดราคาค่ากระแสไฟฟ้าค่อนข้างมาก
(4) การปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของ ภาคการท่องเที่ยว ทำให้ราคาสินค้าในหมวดที่เกี่ยวข้องปรับตัวสูงขึ้น
ปัจจัยกระทบเงินเฟ้อ
ขณะที่มีปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อยังคง อยู่ในระดับต่ำ ได้แก่
(1) ฐานที่สูงของราคาเนื้อสุกรและผัก รวมทั้งราคาในปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ จากปริมาณผลผลิตที่เข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก
(2) เศรษฐกิจขยายตัวในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มต่ำกว่าคาดการณ์เดิมในช่วงต้นปี
(3) การแข่งขันที่สูงขึ้นของผู้ประกอบการค้าส่งและค้าปลีกขนาดใหญ่ รวมทั้งการเติบโตของการค้าอีคอมเมิร์ซ ทำให้มีการใช้นโยบายส่งเสริมการค้าจำนวนมาก โดยเฉพาะการปรับลดราคาอย่างต่อเนื่อง
ปรับคาดการณ์เงินเฟ้อ
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 จากเดิมระหว่าง (-0.3)-1.7%
ค่ากลาง 0.7% เป็นระหว่าง 0.0-1.0% ค่ากลาง 0.5% เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าจะมีการทบทวนต่อไป
โดยมีสมมุติฐาน จากเดิมอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) 2.7-3.7% ปรับมาอยู่ที่ 2.2-3.2% ราคาน้ำมันดิบดูไบ 80-90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล คงเดิม และอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 34-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ปรับมาเป็น 34.5-36.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
- พาณิชย์ MOU สภาหอการค้าฯ-ม.หอการค้าไทย ดันทายาทสานต่อธุรกิจครอบครัว
- หอการค้านำทัพเอกชนปักหมุด “International Mega Fair 2024” กัมพูชา-ซาอุฯ
- หอการค้า-เอสเอ็มอี รับได้ขึ้นค่าแรง 400 บาท 10 จังหวัด คาดช่วยดึงแรงงานกลับสู่ระบบ
- หอการค้าไทย มองเศรษฐกิจไทยปี 2567 โต 3.2% เสนอคุมดอกเบี้ยช่วย SMEs
- PDPA บังคับใช้ 1 มิ.ย. 2567 หอการค้าไทยผนึกพันธมิตรเสริมความรู้