กขค. ยันลดราคารถ EV สูงสุดถึง 3.4 แสนบาท ไม่ผิดกฎหมายแข่งขัน

สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ตอบชัด กรณีรถ EV ลดราคาสูงสุดถึง 3.4 แสนบาท ไม่ผิดกฎหมายแข่งขันทางการค้า หากพบเข้าข่ายก็พร้อมจะติดตามดูแลทันที ขณะเดียวกัน กขค. ร่วมมือกรมการค้าภายใน MOU ส่งเสริมการแข่งขันทางการค้า คุมเข้มดูแลผู้บริโภคและภาคธุรกิจ

วันที่ 8 กรกฎาคม 2567 นายวิษณุ วงศ์สินศิริกุล เลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า หรือ กขค. กล่าวถึงกรณีที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวี ได้ลดราคาจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า บางรุ่นสูงสุดถึงคันละ 340,000 บาท ว่า ในแง่ของการทำธุรกิจ กรณีนี้ยังไม่เข้าข่ายการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายการแข่งขันทางการค้า เนื่องจากไม่ได้ลดราคาขายต่ำกว่าต้นทุน ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งจะมีสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ดูแลอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 จะดูแลการประกอบธุรกิจเป็นหลัก ซึ่งการจะเข้าข่ายกระทำความผิดตามกฎหมายหรือไม่ จะมีหลายกรณี เช่น การลดราคาขายต่ำกว่าต้นทุน แต่จากการตรวจสอบข้อมูลขณะนี้ ผู้ผลิต ลดราคาโดยใช้วิธีการขาดทุนกำไร รวมทั้งราคาที่ขายในประเทศไทย ยังมีราคาสูงกว่าราคาในประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิต ที่ถือเป็นปกติ

“กรณีนี้ยังไม่เข้าข่ายการกระทำความผิด และยังไม่มีการร้องเรียนแต่อย่างใด แต่หากพบความผิดปกติ หรือพบพฤติกรรมที่อาจจะเข้าข่ายการกระทำที่ผิดกฎหมาย เช่น การเอาเปรียบซัพพลายเออร์ บังคับให้ลดราคาตาม หรือการลดราคาทำเพื่อเอาเปรียบคู่แข่ง กฎหมายฉบับนี้ ก็เปิดช่องให้สามารถเข้าไปตรวจสอบ-เรียกเอกสารได้ หรือเชิญมาพูดคุยได้ และก็เปิดช่องให้ผู้ผลิต สามารถลดราคาขายต่ำกว่าทุนได้ แต่จะต้องมีเหตุผลทางธุรกิจ โดยทำในระยะเวลาที่จำกัด เช่น สินค้าใกล้หมดสต๊อกหรือเพื่อต้องการทดลองตลาด อาทิ กรณี ซื้อ 1 แถม 1”

นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า กรมการค้าภายในจับมือ ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) การส่งเสริมและการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจให้มีการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรมเพื่อเสริมพลังความร่วมมือกำกับดูแลและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าอย่างเสรีและเป็นธรรม ซึ่งสำนักงานยินดีอย่างยิ่ง

ซึ่งสำนักงาน กขค. มีภารกิจสำคัญในการกำหนดกรอบกติกาและกำกับดูแลการประกอบธุรกิจให้เกิดการแข่งขันทางการค้าในระบบการค้าที่เสรีและเป็นธรรม และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านกฎหมายการแข่งขันทางการค้า สำหรับกิจกรรมความร่วมมือในบันทึกข้อตกลงระหว่างสองหน่วยงาน มี 6 ด้าน ได้แก่ การประสานนโยบายของผู้บริหารระดับสูง การเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ การแลกเปลี่ยนข้อมูล การปฏิบัติงานร่วมกันการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การปฏิบัติงานระหว่างหน่วยงาน และการบังคับใช้กฎหมายของแต่ละหน่วยงานในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขัน

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ คาดว่าการประสานความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงาน จะช่วยให้การขับเคลื่อนภารกิจของแต่ละหน่วยงานมีความเชื่อมโยงกันมากยิ่งขึ้น และส่งเสริมให้การดูแลภาคธุรกิจและประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเกิดประโยชน์ต่อผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน

MOU สร้างความเป็นธรรมทางการค้า

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายใน ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การส่งเสริมและการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจให้มีการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรมระหว่างกรมการค้าภายใน กับสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สำนักงาน กขค.) การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการเสริมพลังเพิ่มศักยภาพในการกำกับดูแลและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าในประเทศให้มีความเป็นธรรมโดยหน่วยงานภาครัฐ

โดยกรมการค้าภายใน เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่สำคัญในการเสริมสร้างประสิทธิภาพการค้าในประเทศให้มีความเป็นธรรมสำหรับผู้ประกอบการ พร้อมกับดูแลประชาชนและผู้บริโภคทั่วประเทศให้ได้รับการพิทักษ์ประโยชน์ สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลงกับสำนักงาน กขค.

อย่างไรก็ตาม มีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประเด็น คือ เพื่อบูรณาการและประสานการทำงาน ทั้งในด้านการส่งเสริมและด้านการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจ ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการแข่งขันทางการค้าอย่างเสรีและเป็นธรรม เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพและองค์ความรู้ทั้งในด้านการส่งเสริมและกำกับดูแลของทั้งสองฝ่าย รวมถึงเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ สำหรับสนับสนุนการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินค้าและบริการ และใช้ประโยชน์ในการกำหนดนโยบายที่เหมาะสม