‘กฤษณ์ อิ่มแสง’ เฉลยเอง ลาออกบอร์ด IRPC เพราะอะไร

กฤษณ์ อิ่มแสง
กฤษณ์ อิ่มแสง

‘กฤษณ์ อิ่มแสง’ เฉลยเอง ลาออกบอร์ด IRPC เพราะอะไร

วันที่ 23 สิงหาคม 2567 ปริศนาการประกาศลาออกของ ‘นายกฤษณ์ อิ่มแสง’ กรรมการกรรมการบริหารความเสี่ยงและประธานเจ้าหน้าที่ บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน

และการแต่งตั้งนายเทอดเกียรติ พร้อมมูล เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ แทนมีผลต้ังแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป

พร้อมทั้งประกาศแต่งตั้ง 5 คณะกรรมการทดแทนตำแหน่งที่ว่างลงและมีชื่อของ เสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) และอดีตรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าดำรงตำแหน่ง กรรมการอิสระ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567

ทั้งที่ “กฤษณ์” ได้รับแต่งตั้งเป็นซีอีโอ IRPC เมื่อตุลาคม 2565 เหลืออีกเพียง 1 ปี จะเกษียณ

กลับ ปตท.

“ประชาชาติธุรกิจ” แอบกระซิบถามประเด็นดังกล่าว ไปที่ “กฤษณ์” ตอบสั้น ๆ ว่า “ลาออกเพราะครบวาระ ลาออกจากการเป็นกรรมการ ลาออกจาก CEO ของ IRPC ตามกติกาสากล ไม่ได้ไขก๊อกลาออก และพร้อมดำเนินงานต่อเนื่อง”

ADVERTISMENT

สาเหตุที่แท้จริงคือ “กฤษณ์” จะกลับไปรับตำแหน่งที่ บริษัทแม่ (ปตท.) เพราะในรอบนี้มีผู้บริหารระดับสูงหลายตำแหน่งเกษียณอย่าง “พี่ต่าย” นพดล ปิ่นสุภา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ทำให้ต้องกลับไปช่วยงานเสริมทัพ

แหล่งข่าวผู้บริหารระดับสูงใน ปตท.บอกว่า “เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เรื่องเซอร์ไพรส์ คุณกฤษณ์คิดถึงบ้านแล้ว ขอกลับมาอยู่บ้าน (ปตท.) เท่านั้นเอง”

ADVERTISMENT

6 เดือนแรก IRPC พลิกกำไร

สำหรับผลประกอบการของ IRPC ในช่วงครึ่งปีแรก 2567 งวด 6 เดือนแรกปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการขายสุทธิ 148,710 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายเฉลี่ย ที่เพิ่มขึ้น 9% ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น กำไรสุทธิ 812 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ งวดเดียวกันของปีก่อน ที่บันทึกขาดทุนสุทธิ 1,945 ล้านบาท

ซึ่งที่ผ่านมา “กฤษณ์” ได้ดำเนินภารกิจตามแผนงาน 5 ปี (2023-2027) ที่มุ่งเน้นความเข้มแข็งและความชำนาญในห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจปัจจุบันเพื่อการพัฒนาขยายธุรกิจ และแสวงหาธุรกิจใหม่ ๆ โดยผลักดันให้บริษัทเติบโตได้ตามวิสัยทัศน์และพันธกิจใหม่ เพื่อก้าวไปสู่การเป็นบริษัทนวัตกรรมวัสดุและพลังงานอย่างยั่งยืน

ลุ้นนโยบาย บอร์ดใหม่

ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ไว้ที่ 25,000 ล้านบาท ในปี 2025 และเพิ่มเป็น 35,000 ล้านบาท ในปี 2030 ซึ่งการเติบโตทางธุรกิจจะเน้นต่อยอดจากความแข็งแกร่งของฐานธุรกิจปัจจุบัน (Existing Stream) และเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่ (New Stream)

ซึ่งการบรรลุเป้าหมายนั้น บริษัทมีแผนที่จะลงทุนในระยะ 5 ปี (2023-2027) ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 36,000 ล้านบาท โดยพยายามจะปรับพอร์ตธุรกิจ โดยจะทยอยลดสัดส่วนธุรกิจน้ำมันลงเหลือ 55% ในปี 2028 และขยายพอร์ตธุรกิจปิโตรเคมีจะเพิ่มขึ้นจาก 25% เป็น 45% และจะเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่มีมูลค่าสูง ซึ่งเราจะเห็นตัวอย่าง เช่น พีพี เมลต์โบลน (PP Melt Blown) สำหรับผลิตภัณฑ์หน้ากากอนามัยของบริษัท

ทั้งยังได้ร่างแผน เตรียมจะขยายพอร์ตลงทุนใหม่ ในธุรกิจโรงพยาบาลและที่พักเพื่อสุขภาพ (Health & Wellness) ในพื้นที่ของบริษัท เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพประชาชนในพื้นที่ จ.ระยอง และจังหวัดใกล้เคียง แต่ยังไม่ทันได้มีการสานต่อ จึงต้องมาลุ้นกันว่า “ซีอีโอ” และกรรมการบริหารใหม่จะมีแนวนโยบายเรื่องนี้อย่างไรต่อไป