
กรมพัฒนาธุรกิจฯ เร่งเยียวยานิติบุคคล เชียงราย แพร่ น่าน และจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วม มีนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่จำนวน 80,758 ราย พร้อมออกมาตรการขยายเวลาจดทะเบียนของนิติบุคคล การแจ้งบัญชีและเอกสารสูญหาย รวมถึงการนำส่งงบการเงิน
วันที่ 13 กันยายน 2567 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัย น้ำท่วมฉับพลัน ดินสไลด์ และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคเหนือตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน ได้สร้างความเสียหายแก่นิติบุคคลและประชาชนในพื้นที่ประสบภัยเป็นอย่างมาก รวมถึงการเยียวยาภาคธุรกิจซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าอย่างเร่งด่วน
โดยนิติบุคคลที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตประสบภัยพิบัติ ไม่สามารถเดินทางมาดำเนินการจดทะเบียน หรือนำส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น หรือดำเนินการอื่นใดต่อสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดในช่วงเวลาที่เกิดอุทกภัย รวมถึงเอกสารสูญหาย เสียหายจากภัยพิบัติดังกล่าว
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ออกมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกอบธุรกิจที่ประสบเหตุ และได้รับผลกระทบใน 3 จังหวัดภาคเหนือ รวมถึงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยมีมาตรการช่วยเหลือธุรกิจ ดังนี้
1. นิติบุคคลผู้ประสบอุทกภัยซึ่งมีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตที่ประสบเหตุ สามารถขอขยายเวลาและชี้แจงเหตุผลความจำเป็นและหลักฐานที่แสดงว่าได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย ทำให้ไม่อาจดำเนินการยื่นจดทะเบียน ยื่นงบการเงิน ยื่นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) รวมถึงการแจ้งบัญชีหรือเอกสารประกอบการลงบัญชีสูญหายหรือเสียหายที่ต้องแจ้งต่อสารวัตรบัญชี
ภายในระยะเวลาที่กฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมกำหนดได้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิจารณาขยายเวลาในการยื่นเอกสารหรือดำเนินการตามกฎหมายของนิติบุคคล ทั้งนี้ นิติบุคคลสามารถยื่นคำขอขยายระยะเวลาหรือดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดต่อเจ้าหน้าที่ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่สถานการณ์อุทกภัยได้สิ้นสุดลง
2. กรณีนิติบุคคลใดได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำผิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งเป็นกรณีที่เกิดขึ้นในช่วงที่ประสบอุทกภัย สามารถชี้แจงเหตุผล ความจำเป็น และหลักฐานที่แสดงว่าได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยทำให้ไม่อาจดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมกำหนดได้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิจารณายุติเรื่องและไม่ออกคำสั่งปรับเป็นพินัยตามกฎหมายว่าด้วยการปรับเป็นพินัย
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้มีการพัฒนาระบบจดทะเบียนธุรกิจและการให้บริการด้านต่าง ๆ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาอำนวยความสะดวก ข้อมูลมีความถูกต้อง รวดเร็ว และทันสมัย เพื่อเพิ่มช่องทางและลดอุปสรรคให้ผู้ประกอบธุรกิจได้รับบริการอย่างเต็มรูปแบบ ไม่จำกัดเวลา และสถานที่ โดยกรมมีความมุ่งหมายให้ช่องทางออนไลน์ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบธุรกิจและช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจต้องการติดต่อกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ประสบเหตุอุทกภัย แต่ไม่สามารถเดินทางได้ สามารถดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดได้
ข้อมูลจาก DBD Datawarehouse+ ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2567 ภาคเหนือ (17 จังหวัด) มีนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่จำนวนทั้งสิ้น 80,758 ราย ทุนจดทะเบียน 519,310.31 ล้านบาท แบ่งเป็น เชียงราย 9,012 ราย ทุน 49,900.38 ล้านบาท แพร่ 1,922 ราย ทุน 8,386.49 ล้านบาท น่าน 2,064 ราย ทุน 5,602.44 ล้านบาท กำแพงเพชร 2,898 ราย ทุน 18,307.19 ล้านบาท เชียงใหม่ 30,595 ราย ทุน 210,512.10 ล้านบาท ตาก 2,937 ราย ทุน 13,626.11 ล้านบาท นครสวรรค์ 5,140 ราย ทุน 46,850.71 ล้านบาท พะเยา 2,219 ราย ทุน 6,028.83 ล้านบาท
พิจิตร 2,131 ราย ทุน 13,623.54 ล้านบาท พิษณุโลก 5,367 ราย ทุน 22,654 ล้านบาท เพชรบูรณ์ 3,294 ราย ทุน 20,245.26 ล้านบาท แม่ฮ่องสอน 745 ราย ทุน 1,674.14 ล้านบาท สุโขทัย 1,782 ราย ทุน 18,775.22 ล้านบาท อุตรดิตถ์ 1,732 ราย ทุน 13,875.25 ล้านบาท ลำปาง 4,319 ราย ทุน 19,342.75 ล้านบาท ลำพูน 3,548 ราย ทุน 41,993.28 ล้านบาท และ อุทัยธานี 1,053 ราย ทุน 7,912.61 ล้านบาท
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้ความสำคัญต่อแนวทางในการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่กำลังประสบเหตุอุทกภัยให้สามารถชี้แจงเหตุผลความจำเป็นและหลักฐานที่แสดงว่าได้รับผลกระทบจากเหตุทำให้ไม่อาจดำเนินการในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดได้ รวมถึงสามารถใช้ช่องทางออนไลน์เป็นส่วนช่วยให้ภาคธุรกิจดำเนินธุรกิจต่อไปได้ด้วยความมั่นใจ