
“ส.อ.ท.” เผยยอดผลิตรถยนต์ ส.ค. 67 อยู่ที่ 119,680 คัน ลดลง 20.56% ยอดขาย 45,190 คัน ลด 24.98% เหตุแบงก์เข้มงวดอนุมัติสินเชื่อจากหนี้ครัวเรือน-NPL รถไตรมาส 2/67 พุ่ง 2.5 แสนล้านบาท คาดไตรมาสสุดท้ายปีนี้ฟื้น หวังเงินดิจิทัล 10,000 บาท กระตุ้นกำลังซื้อ หนุนการส่งออก-ลงทุนดีขึ้น
วันที่ 24 กันยายน 2567 นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าสถิติการผลิตรถยนต์และจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทยช่วง 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค.) ที่ผ่านมา พบว่า

8 เดือนภาคผลิตลด 17.69%
จำนวนการผลิตรถยนต์ช่วง 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค. 67) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,005,749 คัน ลดลงจากปี 2566 ในระยะเวลาเดียวกัน 17.69%
ขณะที่จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนสิงหาคม 2567 มีทั้งสิ้น 119,680 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.56% เนื่องจากผลิตเพื่อขายในประเทศและผลิตเพื่อส่งออกลดลง 40.49% และ 6.62% จากการผลิตรถกระบะลดลง 4.12% จากเดือนกรกฎาคม 2567
NPL พุ่ง-เข้มสินเชื่อทุบยอดขายอ่วม
ขณะที่ยอดจำหน่ายรถยนต์ช่วง 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค.) มีจำนวนทั้งสิ้น 399,611 คัน ลดลงจากปี 2566 ในระยะเวลาเดียวกัน 23.85%
ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนสิงหาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 45,190 คัน ลดลง 2.60% จากเดือนกรกฎาคม 2567 และลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 24.98%
“สาเหตุที่ยอดจำหน่ายลดลงมาจากสถาบันการเงินเข้มงวดในการให้สินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนสูง โดยหนี้เสีย (NPL) รถยนต์ ในไตรมาส 2 ของปี 2567 สูงถึง 254,484 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.7% จากไตรมาส 2 ของปี 2566 ประกอบกับเศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตในอัตราต่ำที่ร้อยละ 2.3 ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ” นายสุรพงษ์กล่าว
มูลค่าส่งออก ส.ค. ลด 1.7%
สำหรับภาคการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในช่วง 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค. 67) ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 688,633 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 4.94 มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 480,206.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.08% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566
ขณะที่เดือนสิงหาคม 2567 ส่งออกได้ 86,066 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 67 3.04% แต่ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 อยู่ที่ 1.70% จากปัญหาเรื่องพื้นที่ในเดือนในเรือไม่เพียงพอและล่าช้าจากสงครามอิสราเอลกับฮามาสและปัญหาสิ่งสกปรกในท่าเรือที่ติดในรถกระบะที่เตรียมขับขึ้นเรือ จึงผลิตรถกระบะเพื่อส่งออกลดลงร้อยละ 12.92 และส่งออกลดลงในตลาดออสเตรเลีย แอฟริกา ยุโรป และส่งออกลดลงในตลาดออสเตรเลีย แอฟริกา ยุโรป มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 60,334.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.20%
EV ป้ายแดง 8 เดือนเพิ่ม 17.34%
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงเดือนสิงหาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 8,804 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว 3% ช่วง 8 เดือน มียอดจดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 69,047 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคมปีที่แล้ว 17.34%
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนสิงหาคม 2567 มียอดจดทะเบียนใหม่มีจำนวน 11,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว 54.80% ช่วง 8 เดือน มียอดจดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 94,794 คัน เพิ่มขึ้นช่วงเดียวกันของปีก่อน 60.14%
ยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) เดือนสิงหาคม 2567 มียอดจดทะเบียนใหม่จำนวน 854 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 32.70% ช่วง 8 เดือนมียอดจดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 6,576 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 22.80%
“สำหรับโครงการ EV 3.0 ค่ายรถที่เริ่มผลิตคืนในปี 2567 จะต้องทำชดเชยในอัตราส่วน 1 : 1 คัน แต่ถ้าเริ่มในปี 2568 จะต้องผลิตคืน 1.5 คัน ไม่ใช่ 1 : 1 คัน ซึ่งในปี 2565 มียอดจดทะเบียนยายนต์ไฟฟ้าราว 9,000 คัน ยอดขายราว 10,000 คัน ขณะที่ปี 2566 ยอดจดทะเบียนยายนต์ไฟฟ้าราว 76,000 คัน ทั้งหมดราว 90,000 คัน ปีหน้าหากมีการปิด ก็ต้องมีการชดเชยในอัตรา 1.5 เท่า เพราะฉะนั้นต้องติดตามดูความพร้อมของโรงงานในการเร่งการผลิตสำหรับปี 2568” นายสุรพงษ์กล่าว
ทั้งนี้ ค่ายรถยนต์หลายค่ายที่มีฐานการผลิตในประเทศไทย ก็เริ่มจะผลิตเพื่อส่งออกและขยายภายในประเทศด้วย ซึ่งหลายบริษัทมีการกำหนด carbon footprint ประเทศไทยนับว่าเป็นประเทศที่อยู่ศูนย์กลาง จึงส่งผลบวกให้หลายค่ายหันมาตั้งฐานการผลิตในไทย
เงินหมื่นหนุนยอดไตรมาสสุดท้ายฟื้น
นายสุรพงษ์กล่าวด้วยว่า คาดการณ์ว่าในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ปี 2567 สถานการณ์การผลิตและส่งออกรถยนต์น่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เริ่มกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับเร่งเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงครึ่งปี 2567
รวมถึงที่ประชุมสภาอนุมัติ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 แล้ว ก็จะสามารถดำเนินงานต่อเนื่องได้ ไม่มีการสะดุด ส่วนโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่จะเริ่มจ่ายให้กับกลุ่มเปราะบาง ผู้มีสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ ในวันที่ 25 กันยายนนี้
ประกอบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET) เพิ่มมขึ้นเกือบ 200 จุด ทำให้เพิ่มอำนาจซื้อให้กลุ่มคนเฉพาะ เช่น กลุ่มคนฐานราก และผู้ที่อยู่ในตลาดหุ้นมีรายได้ สร้างอำนาจการซื้อเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดการลงทุนและการจ้างงานมากขึ้น
ทั้งนี้การลงทุนจากต่างชาติ SEMICONDUCTOR ระหว่าง ปตท.-ฮานา ที่จะมีการลงทุนในช่วง 1-2 ปีนี้ ก็ถือเป็นข่าวดีในภาคอุตสาหกรรมไทยด้วย