
“พิชัย” ร่วมทีมนายกฯอิ๊งค์ ประชุมดาวอส 20-24 ม.ค.นี้ พร้อมเซ็น FTA ไทย-เอฟตา เปิดศักราชการค้าไทยกับยุโรป แถมร่วมวงถกดับบลิวทีโอ ดันเจรจาเกษตร-ปลดล็อกปัญหาประมงไทย
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนและคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์มีกำหนดการเดินทางเข้าร่วมการประชุมประจำปี World Economic Forum (WEF) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-24 มกราคม 2568 ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส โดยจะได้เข้าร่วมลงนามความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA ระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป หรือ “เอฟตา” (European Free Trade Associations : EFTA) โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นสักขีพยาน ในวันที่ 23 มกราคม 2568
พร้อมทั้งเข้าร่วมการหารืออย่างไม่เป็นทางการกับรัฐมนตรีประเทศสมาชิกองค์การการค้าโลก หรือ WTO ซึ่งจะจัดขึ้นต่อเนื่องกับการประชุม WEF เพื่อเดินหน้าผลักดันการค้าไทยในเวทีโลก และจะร่วมหารือประเด็นการค้ากับนางเอ็นโกซี โอคอนโจ-อิเวลลา ผู้อำนวยการใหญ่ของ WTO ในการแลกเปลี่ยนมุมมองในประเด็นด้านการค้า และความร่วมมือภายใต้กรอบความร่วมมือของ WTO ของไทยด้วย
การลงนาม FTA-EFTA ถือเป็นหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์การค้าไทย เนื่องจากเป็น FTA ฉบับแรกที่ไทยทำกับกลุ่มประเทศในยุโรป มีความทันสมัย มาตรฐานสูง สอดคล้องกับพัฒนาการของกฎเกณฑ์การค้ายุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะปูทางไปสู่การเจรจาจัดทำ FTA ของไทยกับคู่ค้าสำคัญอื่น ๆ เช่น สหภาพยุโรปต่อไป ซึ่งในปี 2568 กระทรวงพาณิชย์ยังวางเป้าหมายที่จะเดินหน้าเร่งจัดทำ FTA กับคู่ค้าอื่น ๆ เช่น ภูฏาน และเกาหลีใต้ เพิ่มเติมด้วย
นายพิชัยกล่าวอีกว่า ในโอกาสเข้าร่วมประชุม WEF ครั้งนี้ ตนยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกอย่างไม่เป็นทางการ (Informal WTO Ministerial Gathering : IMG) ซึ่งเป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่มเล็กที่มีผู้เข้าร่วมประมาณ 20-30 คน โดยประเทศเจ้าภาพจะคัดเลือกเฉพาะสมาชิก WTO ที่มีบทบาทสำคัญเท่านั้นมาเข้าร่วมประชุม จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะได้แสดงวิสัยทัศน์และผลักดันประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อไทย เช่น การเจรจาการเกษตร ความตกลงการอุดหนุนประมง และการปฏิรูป WTO เป็นต้น
สำหรับมูลค่าการค้าระหว่างไทย-เอฟตา ในเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา มีมูลค่าการค้ารวม 11,467.03 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 2.06% ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 24.94% โดยไทยส่งออกไปเอฟตา 4,121.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากเอฟตา 7,345.20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปเอฟตา ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ นาฬิกาและส่วนประกอบ เหล็กและผลิตภัณฑ์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เครื่องใช้สำหรับเดินทาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ แผงควบคุมกระแสไฟฟ้า เครื่องสำอาง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์พลาสติก ข้าว
ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ นาฬิกาและส่วนประกอบ เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม ยากำจัดศัตรูพืช เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป เคมีภัณฑ์ เป็นต้น