
ผู้ส่งออกไทยลุ้นระทึก อีก 3 สัปดาห์เดดไลน์ครบ 90 วันสหรัฐยืดเวลาคิดภาษีไทย 36% “พิชัย” ชี้แนวโน้มดี มะกันตอบรับ 5 ข้อเสนอของไทย ฉายแววเลื่อนเส้นตาย 9 กรกฎาคมออกไปอีก ชี้สินค้าที่ท่าเรือมีทั้งชะลอและเร่งส่งออก “อาหาร-อะลูมิเนียม” หยุดส่งออก ขณะที่ “ข้าว” โยนผู้นำเข้ารับภาระภาษี สรท.เผยเจอ 2 เด้ง พิษอิสราเอล-อิหร่าน ทำค่าระวางผันผวนหนัก แถมจีนโหมส่งออก ทำตู้คอนเทนเนอร์คิวยาว
การเรียกเก็บภาษีตอบโต้ทางการค้า ที่สหรัฐอเมริกา โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าจากทุกประเทศทั่วโลก นอกเหนือจากอัตราภาษีพื้นฐานขั้นต่ำ 10% ที่ทุกประเทศทั่วโลกถูกเรียกเก็บไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยไทยถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 36% แต่ได้เลื่อนระยะเวลาบังคับใช้ออกไป 90 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 หรืออีก 3 สัปดาห์จากนี้ ซึ่งเหล่าผู้ส่งออกไทยกำลังติดตาม ว่าทีมคณะทำงานเจรจาต่อรองภาษีของรัฐบาลจะสามารถเจรจาต่อรองได้ประสบความสำเร็จหรือไม่
“พิชัย” แย้มส่งออก พ.ค.ตัวเลขดี
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะทำงานที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งขึ้นเพื่อเร่งเจรจาต่อรองด้านภาษีกับสหรัฐ มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก เชื่อว่าภายในสัปดาห์หน้าจะได้เห็นรูปธรรมที่ชัดเจนมากขึ้น โดยในส่วนของกระทรวงพาณิชย์เอง ก็ได้เร่งประสานการทำงานอย่างเต็มที่ มีการเจรจาพูดคุยต่อเนื่อง ผ่านระบบประชุมทางไกล (วิดีโอคอนเฟอเรนซ์) ซึ่งเชื่อมั่นว่าการเจรจาน่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี และภาคการส่งออกจะยังคงเป็นพระเอกในการผลักดันเศรษฐกิจไทย
“สหรัฐเองมีแนวทางจะขยายระยะเวลาการขึ้นภาษีออกไปให้กับประเทศที่มีความตั้งใจในการเจรจากับสหรัฐ ซึ่งเป็นสิ่งที่สหรัฐเป็นคนกล่าวออกมา ซึ่งไทยก็มีความตั้งใจในการเจรจากับสหรัฐ ดังนั้น มั่นใจว่าไทยน่าจะได้อัตราภาษีที่ดี ซึ่งก็คาดหวังว่าไทยจะยังคงถูกเก็บภาษีพื้นฐานที่ 10% ซึ่งหากเป็นอัตราดังกล่าวก็เชื่อมั่นว่าการส่งออกของไทยยังเป็นตัวเลขที่ดี และเชื่อว่าอัตราภาษีที่ไทยจะได้รับน่าจะดีและแข่งขันกับต่างประเทศได้”
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์เตรียมจะแถลงตัวเลขส่งออกประจำเดือนพฤษภาคม 2568 ซึ่งต้องแจ้งว่าเป็นตัวเลขการส่งออกที่ดี คาดว่าจะแถลงข่าวในวันที่ 18 มิถุนายน 2568 นี้ ส่วนค่าเงินบาทของไทยก็คาดหวังว่าจะคงอยู่ในระดับที่ไทยสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้
เผยมะกันตอบรับข้อเสนอไทย
รายงานข่าวแจ้งว่า ความคืบหน้าการเจรจาหารือกับสหรัฐอเมริกา ในประเด็นการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าไทย ซึ่งมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาการค้าไทย-สหรัฐ เป็นผู้นำในการเจรจาหารือในครั้งนี้ ซึ่งการเจรจาที่ผ่านมาเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยการเจรจาหารือกับคณะผู้แทนการค้าสหรัฐ (United States Trade Representative) หรือ USTR ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งทางสหรัฐมีท่าทีที่ตอบรับข้อเสนอของไทย และเป็นไปได้ว่าอาจจะมีข้อตกลงระหว่างกันเกิดขึ้นได้ในเร็ว ๆ นี้
สำหรับข้อเสนอของไทยในการเจรจาต่อรองภาษีสหรัฐ ประกอบด้วย 5 เรื่อง ได้แก่ 1.การร่วมมือในฐานะหุ้นส่วนเศรษฐกิจ โดยลดอุปสรรคการค้าทั้งที่เป็นภาษีและไม่ใช่ภาษี 2.ไทยเสนอเพิ่มการนำเข้าสินค้าพลังงาน เกษตร เครื่องบิน เป็นต้น 3.ไทยจะเปิดตลาดสาขาเกษตร อาทิ ผลไม้ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น 4.เรื่องสินค้าผ่านทาง หรือการสวมสิทธิไทยในการส่งออก ซึ่งไทยได้เข้มงวดมาระดับหนึ่งแล้ว และเป็นที่พอใจของกรมศุลกากรสหรัฐ 5.ส่งเสริมการลงทุนในสหรัฐมากขึ้น ภาครัฐสนับสนุนการขยายการลงทุนของเอกชนไทยในสหรัฐ ภายใน 4 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน
คาดยืดเวลาภาษี 36% ออกไปอีก
จากการติดตามสถานการณ์การเจรจาหารือกับสหรัฐ ในการพิจารณาในการคิดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าของไทยที่ 36% นั้น คาดว่ามีแนวโน้มที่ดีและมีแนวทางที่สดใส ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ว่าสหรัฐอาจจะมีการพิจารณาขยายระยะเวลาการขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าของไทยออกไปอีก จากกำหนดเดิมที่จะครบกำหนดขยายระยะเวลาบังคับใช้ 90 วัน ในวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 นี้ โดยคาดว่าสหรัฐอาจจะพิจารณาขยายระยะเวลาให้เป็นรายประเทศ อาจจะไม่ทั้งหมด ซึ่งอาจจะเป็นโอกาสอันดีในการส่งออกสินค้าไทยไปต่างประเทศรวมถึงสหรัฐด้วย ขณะที่ไทยยังอยู่ระหว่างการเจรจาหาข้อตกลงกับสหรัฐ ถึงอัตราเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย
ชี้ส่งออกไม่ชะงักแต่ปัญหารุมเร้า
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานคณะกรรมการอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การส่งออกสินค้าของผู้ส่งออกไทยในช่วงที่ผ่านมา ได้เร่งส่งออกสินค้าเข้าไปในสหรัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันช่วงระยะเวลา 90 วันที่สหรัฐยืดระยะเวลาขึ้นภาษีในอัตรา 36% และอย่างไรก็ดี ก็ยังไม่มีความแน่นอนว่าการเจรจาด้านภาษีของไทยและสหรัฐจะสามารถเจรจาได้ในรูปแบบใด อย่างไรก็ตาม การจ่ายภาษีพื้นฐานขั้นต่ำ 10% และความไม่แน่นอนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐ ทำให้ลูกค้าบางรายชะลอคำสั่งซื้อ แต่ก็มีทั้งเร่งและชะลอ แล้วแต่ประเภทสินค้าและความเสี่ยงของภาษีแต่ละรายการ ทั้งนี้ การส่งออกสินค้าไทยที่ผ่านมา โดยรวมก็ยังส่งออกได้ต่อเนื่องอยู่
ขณะนี้ยังเหลือเวลา 3 สัปดาห์ที่จะถึงกำหนดเลื่อน 90 วัน ยอมรับว่าเริ่มเห็นการชะลอตัวของการส่งมอบสินค้าในหลายรายการ สำหรับรายการที่เป็นของใช้จำเป็น หรือสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอาหารที่ยังต้องจำหน่ายอยู่เรื่อย ๆ ยังมีนัดหมายการส่งมอบอยู่
จีนโหมส่งออกทำตู้สินค้าคิวยาว
รายงานข่าวจากสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ระบุว่า การส่งออกสินค้าไทยยังน่าจะส่งออกไปสหรัฐได้ เนื่องจากอัตราภาษีที่จีนได้รับสูงกว่าไทย ดังนั้น จะไม่กระทบกับการส่งออกของไทยไปสหรัฐมากนัก แต่จะสร้างปัญหาให้กับสินค้าไทยที่ต้องไปแข่งขันกับสินค้าจีนที่ส่งออกไปตลาดอื่นมากกว่า ตอนนี้สินค้าจีนมีคำสั่งซื้อไปสหรัฐจำนวนมาก ทำให้ดึงตู้คอนเทนเนอร์ไปเกือบทั้งหมด หากผู้ส่งออกไทยจองตู้คอนเทนเนอร์ไปสหรัฐอย่างเร็วจะได้ตู้สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 เลย ทำให้เพิ่ม Spot Shipment ยากมาก อย่างไรก็ดี ต้องรอติดตามดูช่วงครึ่งปีหลัง 2568 อีกที เพราะตอนนี้การส่งออกสินค้าทางเรือของไทยยังสามารถส่งออกสินค้าตามคำสั่งซื้อที่จองเรือไว้ก่อนหน้าแล้วเท่านั้น
“นอกจากนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์ค่าระวางเรืออย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเส้นทางการส่งออกสินค้าไปในตลาดสหรัฐ โดยปัจจุบันค่าระวางเรืออยู่ที่ 5,000 เหรียญสหรัฐต่อตู้ 20 ฟุต”
ค่าระวางเรือจีน-สหรัฐผันผวน
ขณะที่สถานการณ์ค่าระวางในช่วงเดือนพฤษภาคม 2568 ค่าระวางในเส้นทางเอเชียคงที่ในหลายเส้นทาง เช่น เส้นทาง Shanghai เส้นทาง Klang เส้นทาง Hong Kong และเส้นทาง Japan ขณะที่เส้นทางสหรัฐอเมริกา ค่าระวางในครึ่งเดือนหลัง ค่าระวางฝั่ง West Coast ลดลง โดยอยู่ที่ 3,000 USD/TEU และ 4,200 USD/FEU ในขณะที่ค่าระวางฝั่ง East Coast เพิ่มขึ้น โดยอยู่ที่ 2,900 USD/TEU และ 4,200 USD/FEU
ส่วนค่าระวางในช่วงเดือนมิถุนายน 2568 ค่าระวางในเส้นทางเอเชียก็ยังคงที่ในหลายเส้นทาง และบางเส้นทางปรับลดลงเล็กน้อย ส่วนเส้นทางสหรัฐอเมริกา ค่าระวางในครึ่งเดือนแรก ค่าระวางฝั่ง West Coast เพิ่มขึ้น โดยอยู่ที่ 5,000 USD/TEU และ 6,100 USD/FEU ในขณะที่ค่าระวางฝั่ง East Coast เพิ่มขึ้น โดยอยู่ที่ 6,000 USD/TEU และ 7,100 USD/FEU อย่างไรก็ดี ค่าระวางไปยังสหรัฐอเมริกามีความผันผวน จากการดึงอุปทานไปยังจีนอาจกระทบตารางเรือ ปริมาณตู้ และค่าระวาง ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าระวางผันผวนอย่างรุนแรง และส่งผลกระทบในเส้นทางอื่นด้วย แนะนําให้มีการจองระวางเรือล่วงหน้า และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ส.อ.ท.ชี้สถานการณ์ไม่แน่นอน
นายวิบูลย์ รักสาสน์เจริญผล เลขาธิการกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการยังคงส่งออกกันเป็นปกติ ถ้าสามารถทำได้จริง ๆ คือจะเร่งให้เร็วกว่าปกติ เพราะทุกคนต้องการเคลียร์ให้มากที่สุดภายใน 90 วันนี้ ส่วนแนวโน้มตอนนี้ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปในทางที่ไม่น่าจะดุดันหรือแย่ลง กล่าวคือในกรณีที่ไม่เป็นผลดี คือไทยน่าจะถูกคิดภาษีในอัตราเท่าเดิม 36% แต่จะได้รับการยืดระยะเวลาบังคับใช้ออกไปอีก แต่ ทั้งนี้ ดูเหมือนว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเอาแน่เอานอนไม่ได้ ดังนั้น สถานการณ์ตอนนี้ผู้ประกอบการจึงพยายามที่จะทำการค้าตามปกติไปก่อน
กลุ่มอะลูมิเนียมหยุดส่งออก
นายอธิภัทร คูวินิชกุล ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอะลูมิเนียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กรณีทรัมป์ขึ้นภาษีอะลูมิเนียมเป็น 50% นั้นถือว่าสูงมาก ทำให้ผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกไปสหรัฐต้องชะลอส่งสินค้า เพราะยังไม่แน่ใจกับคำสั่งของทรัมป์ ว่าสุดท้ายแล้วจะขึ้นภาษีที่กี่เปอร์เซ็นต์ และจะเก็บตามเส้นตาย คือหลังครบกำหนดยืดเวลา วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 หรือไม่ แน่นอนว่าอัตราที่กลุ่มผู้ส่งออกอะลูมิเนียมรับได้คือ 10% จะทำให้สัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐยังคงเดิมที่ 1% แต่หากขึ้นภาษี 25% ยังพอถูไถ แต่หากมากกว่านั้น สัดส่วนการส่งออกจะลดลงมากกว่าครึ่ง ซึ่งทางผู้ประกอบการได้พยายามหาตลาดอื่นมารองรับ โดยเฉพาะทางยุโรปและตลาดออสเตรเลีย
ข้าวไทยยังไปได้-โยนผู้นำเข้ารับภาษี
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตลาดสหรัฐถือว่าเป็นตลาดส่งออกข้าวหอมมะลิของไทย โดยปี 2567 ที่ผ่านมาไทยส่งออกข้าวหอมมะลิอยู่ที่ 650,000 ตัน แต่ปี 2568 คาดว่าการส่งออกจะลดลง เนื่องจากปัญหาการเก็บอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐปัจจุบันยังอยู่ระหว่างขยายระยะเวลาเก็บภาษี ทำให้ภาษีข้าวไทยที่ส่งออกไปเก็บอยู่ที่ 10% และขณะนี้แม้จะใกล้ครบกำหนดระยะเวลาแล้ว แต่การส่งออกข้าวของไทยยังมีคำสั่งซื้อและส่งออกผ่านการขนส่งทางเรืออยู่ แต่คำสั่งซื้อก็ชะลอลง และยิ่งจะเห็นภาพชัดเจนในช่วงไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ของปีนี้
“สินค้าที่ลงเรือไปแล้ว หากไปถึงสหรัฐเลยระยะเวลาที่สหรัฐประกาศเลื่อน ผู้ส่งออกข้าวได้มีการเจรจาพูดคุยกับคู่ค้าแล้ว ว่าหากมีการเรียกเก็บภาษีเพิ่ม ผู้นำเข้าจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งก็ได้มีการเจรจาตกลงเป็นที่เรียบร้อย ดังนั้น จึงเห็นว่าสินค้าข้าวไทยยังคงมีการส่งออกไปอยู่ แต่อาจจะลดลง”
กลุ่มอาหารหยุดส่งออก-ลดกำลังผลิต
ดร.ชนินทร์ ชลิศราพงศ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย และในฐานะนายกสมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทย (Thai Pet Food Trade Association : TPFA) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การส่งออกสินค้าในกลุ่มอาหารที่ไปในตลาดสหรัฐ ขณะนี้ภาพรวมมีการหยุดส่งออกสินค้ากลุ่มอาหารไปสหรัฐตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน 2568 เพราะว่าการส่งออกสินค้าไปสหรัฐ โดยกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหารใช้ระยะเวลาการขนส่งประมาณ 5 สัปดาห์ และสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าหนัก มูลค่าของสินค้าไม่สูง
“ตอนนี้ไม่มีใครเสี่ยงที่จะส่งออกสินค้าไปในตลาดสหรัฐ เพราะกังวลภาษี 36% ว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ จึงทำให้ตอนนี้ผู้ส่งออกในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารหยุดที่จะส่งออกไปในตลาดสหรัฐ แต่ในตลาดอื่น ๆ ยังคงที่มีคำสั่งซื้อและส่งออก อีกทั้งเรายังเร่งหาตลาดอื่นทดแทน นอกจากนี้ ในกลุ่มผู้ผลิตอาหาร สินค้าเกษตร ได้ปรับตัวโดยลดกำลังผลิตลงประมาณ 20%”