เคาะงบ”63ขาดดุล4.5แสนล. รายจ่ายทะลุ3.2ล้านล้าน-คาดGDP4%

4 หน่วยงานด้านเศรษฐกิจเคาะงบฯปี”63 รายจ่าย 3.2 ล้านล้านบาท ขาดดุล 4.5 แสนล้านบาท ประเมินจีดีพีปีหน้าโต 4% เงินเฟ้อ 1.5% นายกฯกำชับห้ามขอผูกพันงบประมาณเกิน 2 ปี หวั่นสร้างภาระระยะยาว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุมพิจารณากำหนดงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 กล่าวว่า ได้กำชับเรื่องการจัดทำงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมายทุกฉบับ เพื่อให้การบริหารจัดการและใช้จ่ายงบประมาณเกิดประโยชน์สูงสุด โดยให้ทุกหน่วยงานมีการใช้จ่ายงบประมาณตามรายไตรมาสที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดผลต่อด้านเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ ยังให้นโยบายว่าต้องจัดสรรงบประมาณไม่ให้ผูกพันเกิน 2 ปี

“งบประมาณผูกพันไม่ควรเกิน 2 ปี นั่นคือให้อยู่ในช่วงระหว่าง 2563-2565 เพราะไม่ต้องการให้เป็นภาระในปีต่อไป ซึ่งแผนงานโครงการใดที่มีงบประมาณสูง จะต้องไปบรรจุอยู่ในแผนแม่บท เพื่อดำเนินการต่อไปในอนาคต” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา 4 หน่วยงานด้านเศรษฐกิจ คือ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ประชุมจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 โดยครั้งนี้มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในการประชุม และได้เห็นชอบให้จัดทำงบประมาณแบบขาดดุล จำนวน 450,000 ล้านบาท เท่ากับปีงบประมาณ 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งการขาดดุลนี้จะมีต่อเนื่องไปอีก 10 ปีหลังจากปีงบประมาณ 2563 หากไม่มีการปฏิรูปด้านรายได้ที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ

โดยมีวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่เห็นชอบในเบื้องต้นที่ 3.2 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปีงบประมาณ 2562 ที่ 3 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นราว 6-7% ขณะที่ทางกระทรวงการคลังได้จัดทำประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิที่ 2.750 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 7-8% จากปีงบประมาณ 2562 ที่ประมาณการรายได้ที่ 2.55 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ ทั้ง 4 หน่วยงานเห็นตรงกันในเรื่องสมมุติฐานคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจในปี 2563 ว่า จะขยายตัวที่ประมาณ 4% ต่อปี หรือในช่วง 3.5-4.5% ต่อปี และอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.5% ต่อปี หรือช่วง 1-2% ต่อปี

“จะมีการเสนอตัวเลขจัดทำงบประมาณปี 2563 ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 8 ม.ค.นี้ โดยวงเงินรายจ่ายที่ตั้งไว้ 3.2 ล้านล้านบาท ยังสามารถขยับขึ้นลงได้ ซึ่งขึ้นกับทาง ครม.จะเห็นสมควร ทั้งนี้ หลังจาก ครม.เห็นชอบแล้ว ส่วนราชการทุกแห่งจะต้องยื่นคำขอรับการจัดสรรงบประมาณไปที่สำนักงบประมาณ ภายในวันที่ 15 ม.ค.” แหล่งข่าวกล่าว

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!