แก้ฝุ่น PM 2.5 ห้ามรถบรรทุกวิ่งเข้า กทม. โลจิสติกส์ป่วน-ต้นทุนพุ่ง

รัฐตื่นตัวฝุ่น PM 2.5 ถล่มกรุง “บิ๊กป้อม” สั่งงัดแผนแก้พื้นที่เสี่ยง ห้ามเผาพืชเกษตร 9 จังหวัดภาคเหนือ “สรท.” โอดห้ามรถบรรทุกวิ่งเข้ากรุงเทพฯ ทำธุรกิจชะงัก กระทบต้นทุน ชี้โลจิสติกส์ป่วนแน่ เผยท่าเรือคลองเตยอาจสะดุด 1 แสนตู้ แฉต้นตอรถเครื่องดีเซลเกลื่อนเมืองรถใหม่จดทะเบียนพุ่ง 1.18 ล้านคัน กทม.ประชุมด่วน 17 พ.ย. จ่อปิดไซต์ก่อสร้าง-โรงเรียน 437 แห่ง

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ ” รายงานว่า วันนี้ (13 พ.ย. 63) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการมอบนโยบายให้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เร่งแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในกรุงเทพฯและปริมณฑล พร้อมให้เร่งติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศให้มากขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง

งัดแผนป้องกันเผาป่า

นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานป้องกันและเฝ้าระวังการเผาเศษซากพืช หรือวัชพืชและเศษวัสดุทางการเกษตรในพื้นที่การเกษตรว่า สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 มักทวีความรุนแรงในเดือนธันวาคม-เดือนมีนาคมของทุกปี ซึ่งปีนี้มาตรการแรกคือใช้แผนป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งจะเข้มข้น

ขึ้นตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2563-31 พฤษภาคม 2564 ใน 9 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา แม่ฮ่องสอน และตาก

ลดเผาอ้อย 1.2 ล้านไร่

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า มีนโยบายลดการเผาอ้อยให้เหลือไม่เกิน 50% ซึ่งพบว่ามีตัวเลขปริมาณอ้อยไฟไหม้เพียง 37.18 ล้านตัน หรือคิดเป็น

49.65% ของปริมาณอ้อยทั้งหมด เท่ากับไทยลดพื้นที่การเผาอ้อยได้ถึง 1.2 ล้านไร่ ซึ่งในฤดูกาลผลิต 2563/2564 จะนำ 3 มาตรการให้ชาวไร่ลดการเผา โดยหากลดอ้อยไฟไหม้เหลือ 20% จะให้ราคาสูงกว่าผู้ที่ขายอ้อยไฟไหม้

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ได้จัดทำแผนบริหารจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ โดยปีนี้เน้นสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ลงลึกในระดับชุมชน และทำแผนระดับหมู่บ้าน จะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2563

รถดีเซลเกลื่อนถนน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากต้นตอปัญหาฝุ่นมลพิษ PM 2.5 ที่มาจากเครื่องยนต์ดีเซลนั้น จากอดีตถึงปัจจุบัน “ไม่ได้ลดลง” เลย สังเกตจากตัวเลขรถยนต์จดทะเบียนใหม่ของกรมการขนส่งทางบก

มีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกปี 8 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค. 2563) ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ มีรถปิกอัพและรถแวนจดทะเบียนใหม่ 191,721 คัน รวมรถปิกอัพ-แวนที่จดทะเบียนแล้วทั้งหมด 6,856,963 คัน รถใช้งานในภาคเกษตรกรรม 336 คัน รวมจดทะเบียนทั้งหมด 109,050 คัน

ขณะที่ตัวเลขรถจดทะเบียนใหม่ พ.ร.บ.การขนส่งทางบก ประเภทรถบรรทุก 8 เดือนแรกมีจำนวน 58,019 คัน รวมทั้งหมด 1,187,328 คัน รถเครื่องยนต์ดีเซลป้ายแดงแจ้งจดทะเบียนใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี ขณะที่รถเก่าก็ไม่ได้หายไปจากท้องถนน รวมถึงรถแท็กซี่ที่รัฐผ่อนผันให้ต่ออายุการใช้งานเพิ่มจาก 9 ปีเป็น 12 ปี

เปิดแผนแก้ฝุ่นจิ๋ว

นายวิรัตน์ มนัสสนิทวงศ์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า 17 พ.ย.นี้จะประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในพื้นที่ กทม. มี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. เป็นประธานร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ กรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมอุตุนิยมวิทยา กรมการขนส่งทางบก

กรมธุรกิจพลังงาน กรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบังคับการตำรวจจราจร เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ หลังฝุ่นเริ่มกลับมาในฤดูหนาวที่อากาศปิดในเดือน ธ.ค. 2563-ก.พ. 2564

ห้ามรถบรรทุกเข้ากรุง

กทม.เตรียมการรับมือ 3 ระดับ ได้แก่ 1.ค่าฝุ่นไม่เกิน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร เช่น ห้ามรถยนต์บรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป วิ่งเข้าพื้นที่ กทม.ช่วงเวลา 06.00-21.00 น. ให้วิ่งได้ถึงถนนกาญจนาภิเษก ตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2563-28 ก.พ. 2564 รอการพิจารณาจากกองบังคับการตำรวจจราจร จากปัจจุบันให้วิ่งเข้าได้ในช่วงเร่งด่วนเช้าและเย็น แต่ประกาศใหม่จะห้ามตลอดเวลา

“อยู่ที่ตำรวจจะออกประกาศคุมทั้งพื้นที่ หรือแยกเป็นพื้นที่ รอผลวันที่ 18 พ.ย.นี้ ที่ตำรวจประชุม เพราะมีสภาอุตสาหกรรมฯไม่เห็นด้วย”

นอกจากนี้จะมีการกำกับดูแลไซต์ก่อสร้าง เช่น ให้ล้างพื้นที่ ล้อรถบรรทุก ฉีดพ่นละอองน้ำงดกิจกรรมกลางแจ้งในโรงเรียนเฉพาะเด็กเล็ก, ติดเครื่องตรวจวัดฝุ่นใน 20 สวนสาธารณะ จ่อปิดไซต์ก่อสร้าง-โรงเรียน

2.ค่าฝุ่นระดับ 51-75 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร เช่น ปิดการเรียนโรงเรียนสังกัด กทม. จำนวน 437 แห่ง ไม่เกิน 3 วัน/ครั้ง, ห้ามจอดรถริมถนนสายหลักสายรอง, ให้รถเก็บขนมูลฝอยให้เสร็จก่อนตี 4, และ 3.ค่าฝุ่นระดับ 76-100 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร เช่น หยุดการก่อสร้างอาคารและรถไฟฟ้า 5-7 วัน, ปิดการเรียนไม่เกิน 15 วัน/ครั้ง, ให้บุคลากรของ กทม.เหลื่อมเวลาทำงาน และงดใช้รถยนต์ส่วนตัว เป็นต้น

คมนาคมประชุมด่วน

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า วันที่ 16 พ.ย.นี้จะมีประชุมเรื่องฝุ่น PM 2.5 มีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เป็นประธาน มีติดตามการดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา และมีข้อเสนอให้ที่ประชุมพิจารณา โดยมาตรการระยะสั้นปี 2563-2564 เช่น บำรุงรักษาเครื่องยนต์ ตรวจสภาพรถ ปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน แก้ปัญหารถติด ลดฝุ่น, มาตรการระยะกลางปี 2565-2569 เช่น ส่งเสริมขนส่งสาธารณะ เพิ่มจุดจอดรถ เปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นพลังงานสะอาด มาตรการภาษี จำกัดการใช้รถเก่า และมาตรการระยะยาวปี 2570-2575 เช่น บังคับมาตรการทางภาษี จำกัดการเดินทาง ห้ามรถบรรทุกขนาดใหญ่ เป็นต้น

แหล่งข่าวจากกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า กรมจะลดอายุรถที่ตรวจสภาพรถครั้งแรกโดย ตรอ. ซึ่งมีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ศึกษาให้ โดยแนะว่าควรลดจำนวนปีรถจะตรวจสภาพครั้งแรก จากเดิมอายุ 7 ปี เหลือ 5 ปี

โอดสูญรายได้ 100 ล้าน/วัน

นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ได้ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. คัดค้านออกนโยบายห้ามรถบรรทุกวิ่งเข้า กทม. เวลา 06.00-21.00 น. เพราะไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกจุด กทม.ชี้แจงว่า คำสั่งยังไม่ได้บังคับใช้ ต้องรอกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) พิจารณาออกคำสั่งในส่วนของตำรวจจราจรก่อน

“รถบรรทุกบนถนนมี 30,000-40,000 คัน/วัน หรือคิดเป็น 2% จาก 5-6 ล้านคัน/วัน ขอ กทม.คุมรถยนต์ดีกว่า เพราะผู้ประกอบการจะสูญเสียรายได้วันละ 100 ล้านบาท และเกิดภาวะสินค้าตกค้างที่ท่าเรือคลองเตยไม่น้อยกว่า 2,000 ตู้ วันที่ 16 พ.ย.นี้ ตำรวจจราจรนัดสมาคมไปหารือแล้ว”

สหพันธ์ขนส่งฯค้าน

นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาของภาครัฐที่ไม่ตรงจุด ซ้ำยังเป็นการสร้างปัญหาใหม่ ทำให้จราจรติดขัดมากขึ้นอีก ซึ่งเป็นต้นเหตุให้ปริมาณฝุ่น PM 2.5 มีมากขึ้น เนื่องจากทางหลวงหมายเลข 9 ก่อนถึงสุวรรณภูมิ-รังสิต-วังน้อย เป็นการข้ามจากภาคตะวันออกไปภาคใต้ และภาคตะวันตกเข้ามาในกรุงเทพฯ เมื่อไม่ให้ใช้วงแหวนเข้าเมือง แน่นอนว่ารถต้องติดหนัก

“หากประกาศแล้วส่งผลกระทบต่อการสัญจรก็คงต้องร้องเรียน ผมพูดมาหลายครั้งแล้วว่า การห้ามรถใหญ่วิ่งนั้นไม่ใช่การแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ว่าเราห่วงเรื่องต้นทุนผู้ประกอบการจะเพิ่ม แต่การออกประกาศจะทำให้รถยิ่งติด ฝุ่นจะยิ่งเพิ่ม”

สรท.เดือดร้อน

นางสาวกัญญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สรท.ไม่เห็นด้วยที่รัฐจะออกประกาศห้ามรถบรรทุกขนส่งเข้าเขตพื้นที่ชั้นในกรุงเทพฯ ในเวลา 06.00-21.00 น. เพราะจะกระทบต่อการขนส่งสินค้านำเข้า-ส่งออก ที่ต้องขนส่งผ่านกรุงเทพฯชั้นใน เพื่อไปขึ้นเรือ ณ ท่าเรือกรุงเทพ ซึ่งแต่ละเดือนมีปริมาณกว่า 30,000 ตู้ หากประกาศห้าม 3 เดือนเท่ากับกระทบ 1 แสนตู้สินค้า ผู้ประกอบการอาจเสียเวลาและมีต้นทุนเพิ่มขึ้น

“จากเดิม 24 ชม.อาจขนส่งได้ 2-3 เที่ยว หากประกาศห้าม รถต้องจอดค้างคืนในรอบนอก เมื่อส่งเสร็จก็อาจกลับไม่ทันเวลาที่กำหนด ซึ่ง 24 ชม.อาจวิ่งได้แค่ 1 เที่ยว หรือต่ำกว่านั้น ระบบโลจิสติกส์ภายในประเทศ ทางเอกชนมองว่ากระทบแน่นอน ในแง่ที่ต้องเปลี่ยนบรรทุกไปใช้รถยนต์ขนาดเล็กแทน ซึ่งต้องใช้รถจำนวนมากขึ้น ต้นทุนก็เพิ่ม เช่น เดิมบรรทุก 1 คัน ก็อาจต้องใช้รถยนต์แทน 6 คัน