ปราจีน-ปากน้ำขอแจ้งเกิดอีอีซี โรงงานพาเหรดแห่เข้า newS-curve

นิคมฯ-อีอีซี
แฟ้มภาพ

ลุ้นนโยบายบิ๊กตู่เคาะ “ปราจีนฯ-สมุทรปราการ” เข้าร่วมเขตส่งเสริม EEC เฟส 2 ผู้ประกอบการในพื้นที่ล็อบบี้หนัก ยกเหตุผลศักยภาพใกล้เคียง 3 จังหวัดเป้าหมาย new S-curve นักลงทุนแจ้งความจำนงพร้อมย้ายฐานทันที หากปราจีนฯได้เป็นจังหวัดที่ 4 ใน EEC ลุ้นนโยบายบิ๊กตู่เคาะ “ปราจีนฯ-สมุทรปราการ” จังหวัดน้องใหม่เข้าร่วม เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC เฟส 2 หลังผู้ประกอบการในพื้นที่ล็อบบี้หนัก ยกเหตุผลไม่มีความแตกต่างใน 3 จังหวัดเดิมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน-ระบบคมนาคม แถมยังมีนักลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย new S-curve แจ้งความจำนงพร้อมย้ายฐานเข้ามาในจังหวัดเพิ่มขึ้น หากปราจีนฯได้เป็นจังหวัดที่ 4 ใน EEC

การพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ใน 3 จังหวัด ฉะเชิงเทรา-ระยอง-ชลบุรี ได้ดำเนินการมาได้ครึ่งทางของแผนที่วางเอาไว้แล้ว ล่าสุดได้มีความพยายามจากผู้ประกอบการในจังหวัดข้างเคียง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม ได้พยายามผลักดันให้มีการ “ผนวกรวม” พื้นที่ในจังหวัดของตัวเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ EEC ด้วย เนื่องจากจังหวัดข้างเคียงก็มีศักยภาพและไม่ได้มีความแตกต่างในแง่ของภูมิศาสตร์และโครงสร้างพื้นฐานเมื่อเทียบกับ 3 จังหวัดใน EEC เลย เพียงแต่การลงทุนข้ามเข้ามาในจังหวัดข้างเคียงเหล่านี้กลับมีความแตกต่างในแง่สิทธิประโยชน์ชนิดที่เทียบกันไม่ได้เลย

2 จังหวัดใหม่ EEC

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กล่าวว่า ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้ในการดึงให้จังหวัดปราจีนบุรีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพิ่มเติมจากจังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา โดยตามศักยภาพของปราจีนบุรีแล้ว “สามารถเข้ามาอยู่ใน EEC ได้” เนื่องจากมีการลงทุนของภาคอุตสาหกรรมเดิมอยู่แล้ว มีโครงสร้างพื้นฐานของระบบคมนาคมที่พร้อม แต่การพิจารณาจะขึ้นอยู่กับรัฐบาล ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการ

นโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

(กพอ. หรือบอร์ด EEC) ว่า จะมีนโยบายอย่างไรหรือจะให้สิทธิพิเศษอะไรได้บ้าง

“ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า ปราจีนบุรีจะถูกเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ด EEC เมื่อไร แต่จากการศึกษาก่อนหน้านี้สามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ EEC ได้ ขณะเดียวกันก็ยังมีสมุทรปราการอีกจังหวัดหนึ่งที่ต้องการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ EEC เฟส 2 ด้วยเช่นกัน” นายคณิศกล่าว

ด้านสถานการณ์เฉพาะหน้าในขณะที่สหรัฐจะมี “โจ ไบเดน” จากพรรคเดโมแครตเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่นั้น นายคณิศกล่าวว่า สหรัฐจะมีนโยบายที่ส่งเสริมการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและด้านสิ่งแวดล้อม ดังนั้นได้เตรียมหารือกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เพื่อปรับแผนการลงทุน 5 ปี (2563-2567)ของ EEC ซึ่งคาดว่าจะมีเงินลงทุนมากกว่า 1,787,376 ล้านล้านบาท เป็นการลงทุนจากโครงสร้างพื้นฐาน 367,376 ล้านบาท14,200,000 ล้านบาท

“เบื้องต้นแผนงานใหม่ของ EEC จะมุ่งไปเรื่องของการดึงการลงทุนจากสหรัฐมากขึ้น โดยเฉพาะจะเน้นเรื่องของ greenเทคโนโลยี และขอให้รัฐบาลดำเนินการข้อตกลงทางการค้าให้สำเร็จ ทั้ง CPTPP และ FTA กับทาง EU รวมถึงการขอให้พิจารณาอีกครั้งถึงสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นด้วย”

ชะลอศูนย์ซ่อมอากาศยาน

ส่วนเป้าหมายและแนวทางการจัดทำงบประมาณตามแผนงานบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ประจำปี 2565วางไว้ที่ 20,000 ล้านบาทนั้น จะมีเป้าหมายการขับเคลื่อนแผนงานปี 2564 ด้วยการยึด 4 แนวทางหลัก ได้แก่ 1) แผนด้านการเกษตร พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน เมืองใหม่ 2) แผนพัฒนาระบบสาธารณสุข ระบบการแพทย์ฉุกเฉิน 3) แผนพัฒนาบุคลากรการศึกษา และ 4) การลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve) ในพื้นที่ โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เหลือตอนนี้ก็คือ ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 เตรียมเข้าบอร์ด EEC ในเดือนธันวาคม เพื่อพิจารณาผลการเจรจาและราคา ส่วนศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) นั้นคาดว่าจะต้องยกไปเป็นปี 2565 เนื่องจากแผนฟื้นฟูการบินไทยยังไม่ผ่านการพิจารณาของศาล และหากในเดือนมกราคม 2564 แผนฟื้นฟูยังไม่ผ่านอีก ศูนย์ซ่อมอากาศยานอาจจะต้อง “ยกเลิกการลงทุนไปก่อน”

S-curve แห่ลงปราจีนบุรี

นายสมมาตร ขุนเศษฐ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรีพยายามผลักดันทางรัฐบาลเพื่อให้ความเห็นชอบให้ปราจีนบุรีได้รับการบรรจุเป็นจังหวัดที่ 4 ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เนื่องจากมีอุตสาหกรรมใหม่ (new S-curve) จำนวนมากที่ต้องการเข้ามาลงทุนในปราจีนฯ จึงมีความจำเป็นที่จังหวัดจะต้อง

ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในด้านสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เทียบเท่ากับ 3 จังหวัด EEC อีกทั้งปราจีนบุรียังมีข้อได้เปรียบโดยเฉพาะ “ผังเมือง” ของจังหวัดแบ่งพื้นที่อุตสาหกรรมสีม่วงและพื้นที่เกษตรสีเขียวไว้อย่างชัดเจน ที่สำคัญราคาที่ดินอยู่ในระดับที่ยังไม่สูงมากนัก

ปัจจุบันจังหวัดปราจีนบุรีมีสวนอุตสาหกรรม เขตอุตสาหกรรม และนิคมอุตสาหกรรม รวม 6 แห่ง ที่ลูกค้าในนิคมได้รับความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ (new S-curve) และต้องการได้รับสิทธิประโยชน์เทียบเท่ากับโรงงานที่ตั้งในพื้นที่ EEC