GC แจ้งเกิดโรงงานรีไซเคิล แต่ยังไม่ทิ้ง “ปิโตรคอมเพล็กซ์”

IVL

วิกฤตโควิด-19 สร้างแรงสั่นสะเทือนทั้งโลก ไม่เว้นแม้แต่ “พีทีที โกลบอล เคมิคอล” หรือ PTTGC ที่ได้ประกาศเลื่อนแผนการลงทุนบิ๊กโปรเจ็กต์ “ปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์” ที่รัฐโอไฮโอ หลังจากพันธมิตรบริษัท Daelim Industrial Co., Ltd.

ผู้ประกอบธุรกิจก่อสร้างและผลิตเคมีภัณฑ์ในเกาหลีใต้ ตัดสินใจถอนการลงทุน ทั้งที่หากโครงการนี้สำเร็จให้ประโยชน์มหาศาลเพราะอยู่ใกล้แหล่งวัตถุดิบ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตปิโตรเคมีในแหล่งดังกล่าวต่ำที่สุดในโลก อยู่ในระดับใกล้เคียงกับการผลิตในตะวันออกกลางบางประเทศ

ผลการเลื่อนบิ๊กโปรเจ็กต์อาจจะกระทบต่อแผนการสร้างรายได้ระยะยาวที่ต้องเลื่อนออกไป แต่ในมุมกลับกันก็ทำให้ GC มีเวลาในการเจรจากับพันธมิตรรายใหม่ ซึ่งมีตัวเลือกถึง 3 ทวีป นี่จึงยังเป็นโอกาสที่จะเจรจาเพื่อให้ข้อเสนอที่ดีที่สุด ลดต้นทุนสร้างโรงงานให้ถูกลง ซึ่งอย่างเร็วคาดว่าจะรู้ผลในช่วงกลางปี โดยต้องประเมินสถานการณ์หลังจากปัจจัย “โควิด-19” ซาลง

โควิดเป็นโอกาส

สำหรับภาพรวมธุรกิจปี 2563 มีรายได้ 326,270 ล้านบาท ลดลง 20% จากปี 2562 ที่มีรายได้ 409,688 ล้านบาท และยังมีกำไรสุทธิ 28,579 ล้านบาท ลดลง 1% จากปี 2562 ที่มีกำไร 28,900 ล้านบาท

โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากปิโตรเลียมและสาธารณูปการ 42% โอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง 32% อะโรเมติกส์ 11% performance materials and chemicals 10% และผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม 5% (กราฟิก)

“นายคงกระพัน อินทรแจ้ง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC กล่าวว่า โควิดเป็นโอกาสของธุรกิจเคมีภัณฑ์ และยังเป็นช่วงของการที่จะกลับมาทบทวนแผนการลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ของ “PTTGC”

ซึ่งในปีนี้นอกจากการดำเนินธุรกิจหลักแล้ว GC ยังมุ่งไปที่การสร้างความยั่งยืนปักธงเรื่องของการนำไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) ให้ครบลูป ขณะที่เป้ายอดขายยังคงคาดว่าจะโตได้ 8-10%

3 ความยั่งยืนของ GC

ทิศทางการดำเนินงานปี 2564 จำเป็นที่จะต้องเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน โดยจะใช้นโยบายสร้างความแข็งแกร่งจากภายในขับเคลื่อนด้วย “กลยุทธ์ 3 steps” เพื่อย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจเคมีภัณฑ์ อย่าง step change กลยุทธ์การยกระดับความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการปรับปรุงหน่วยผลิตและโครงสร้างพื้นฐานให้ยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบ พัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (high value products)

ตามด้วย step out กลยุทธ์หาโอกาสเพื่อสร้างการเติบโตในธุรกิจใหม่หรือในต่างประเทศ ด้วยการเข้าซื้อหรือควบรวมกิจการ (M&A) รวมทั้งหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ เพื่อขยายสู่ธุรกิจด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม

ขณะที่ step up กลยุทธ์สร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ จะมุ่งไปสู่การเป็น GC circular living แบบครบวงจร เช่น การบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การบริหารจัดการน้ำ และการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน

ลุย 3 โปรเจ็กต์

แน่นอนว่าเมื่อทั้ง 3 กลยุทธ์เดินหน้า จะเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความยั่งยืนให้กับ GC โดยปีนี้ยอดขายน่าจะเติบโตได้ 8-10% จากการทยอยเปิดเดินเครื่องการผลิตเชิงพาณิชย์ใน 3 โครงการสำคัญ คือ 1.โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต Olefins Reconfiguration Project (ORP) มูลค่า 36,000 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตเอทิลีน 500,000 ตัน และโพรพิลีน 250,000 ตัน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบ และต่อยอดธุรกิจปลายน้ำ

2.โครงการโพรพิลีนออกไซด์ (Propylene Oxide : PO) และ 3.โครงการโพลีออลส์ (Polyols) มูลค่า 34,000 ล้านบาท เพื่อผลิตโพรพิลีนออกไซด์ (PO) 200,000 ตันต่อปี และผลิตภัณฑ์โพลีออลส์ 130,000 ตันต่อปี

ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยบวกในเรื่องของทิศทางราคาผลิตภัณฑ์ที่กลับมาฟื้นตัวนี่ยังรวมไปถึงความคาดหวังที่จะปิดดีลการควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในอีกหลายโครงการหลังได้เจรจากันมาระยะหนึ่ง

Circular สู่ Bio

การเดินหน้าไปสู่การทำเศรษฐกิจหมุนเวียน GC เองถือเป็นต้นแบบที่ทำมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ที่ผ่านมาสามารถลดขยะได้ถึง 1,000 ตัน แต่การจะทำให้ครบวงจรที่ไม่ใช่แค่การนำเอาเศษพลาสติกมารีไซเคิล แต่ GC ได้มองชอตสำคัญด้วยการทำให้ครบลูปของการ circular ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำ

นั่นคือ การบริหารจัดการขยะ การเกิดแพลตฟอร์ม การจับมือกับพาร์ตเนอร์ เพื่อที่จะนำไปสู่เป้าหมายเศรษฐกิจหมุนเวียน เช่นว่า การนำพลาสติกไปรีไซเคิล และในท้ายที่สุด GC จะเข้าสู่พลาสติกชีวภาพ (bio plastic) โดย แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ พลาสติกที่ย่อยสลายได้ในส่วนนี้จะนำไปรีไซเคิลได้ อย่างการได้ชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ที่ผลิตขึ้นมานั่นเอง

ส่วนพลาสติกที่รีไซเคิลยากขณะนี้อยู่ระหว่างการทำวิจัยและพัฒนา (R&D)

ขณะนี้บริษัทได้มีการตั้งโรงงานรีไซเคิล GC อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเสร็จภายในปลายปี 2564 นี้ และจะสามารถกำจัดขยะเพิ่มขึ้นอีกหลายตัน ขณะเดียวกันจะเป็นโรงงานแรกที่สามารถผลิตวัตถุดิบสำหรับแพ็กเกจจิ้งฟู้ดเกรดได้ อย่างไรก็ตาม การเดินหน้าแผนหลายอย่างจะต้องจับมือกับพันธมิตรที่จะเข้ามาช่วย

คงต้องมารอลุ้นว่ากลยุทธ์ 3 สเต็ปที่วางไว้เห็นผลมากน้อยเพียงใด แต่ภาพในวันนี้ “นายคงกระพัน” ย้ำว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่กระหน่ำมาทั้งปี 2563 ที่ผ่านมาเป็นจุดพิสูจน์ว่า GC เองแข็งแกร่ง ยังสามารถฝ่าฟันมาได้และยังไม่เคยขาดทุน


ด้วยการมีธุรกิจในรูปแบบทั้งเชิงลึกคือ โรงกลั่นสามารถผลิตพลาสติกเองได้ และเชิงกว้างคือ การมีธุรกิจเช่นโพลิเมอร์ ที่สามารถนำไปสนับสนุนในกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง สุขภาพและการแพทย์ นับเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ทำให้ GC ฝ่าวิกฤตมาได้